กระชาย เป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกเลี้ยงกันในประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระชายมีชื่อสามัญอื่นอีกคือ กะแอน (อีสาน, เหนือ) กะซาย, ขิงซาย (อีสาน) จี๊ปู (เงี้ยว แม่ฮ่องสอน) ซีพู (เงี้ยว แม่ฮ่องสอน) เป๊าะซอเร้าะ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) เป๊าะสี่ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) ละแอน (เหนือ) ว่านพระอาทิตย์ (กรุงเทพฯ) ชื่อสามัญ กระชายมี 3 ชนิด คือ กระชายดำ กระชายแดง กระชายเหลือง
กระชาย | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต |
อาณาจักร: | พืช |
เคลด: | พืชมีท่อลำเลียง |
เคลด: | พืชดอก |
เคลด: | พืชใบเลี้ยงเดี่ยว |
เคลด: | |
อันดับ: | ขิง |
วงศ์: | วงศ์ขิง |
สกุล: | สกุลกระชาย (L.) |
สปีชีส์: | Boesenbergia rotunda |
ชื่อทวินาม | |
Boesenbergia rotunda (L.) | |
ชื่อพ้อง | |
|
ลักษณะ
เป็นไม้ล้มลุกไม่มีลำต้นบนดิน มีเหง้าใต้ดินซึ่งแตกรากออกไปเป็นกระจุกจำนวนมาก อวบน้ำ ตรงกลางพองกว้างกว่าส่วนหัวและท้าย ใบ เดี่ยว เรียงสลับเป็นระนาบเดียวกัน รูปขอบขนานแกมรูปไข่ กว้าง 4.5-10 เซนติเมตร ยาว 13-15 เซนติเมตร ตรงกลางด้านในของก้านใบมีร่องลึก ดอก ช่อ ออกแทรกอยู่ระหว่างกาบใบที่โคนต้น กลีบดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน ใบประดับรูปใบหอกสีม่วงแดง ดอกย่อยบานครั้งละ 1 ดอก กระชาย ถือว่าเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่คนไทยคุ้นเคย กันมานานแล้ว จะมีถิ่นกำเนิด ในแถบร้อนอยู่ที่บริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะพบขึ้นอยู่บริเวณในป่าดิบร้อนชื้น เป็นไม้ลมลุกที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินซึ่งจะเรียกว่า เหง้า และเหง้าที่อยู่ใต้ดินจะแตกรากออกไปเป็นกระจุกจำนวนมากจะเป็นที่สะสมอาหารอวบนำส่วนตรงกลางจะพองกว้างกว่าส่วนหัวและส่วนท้าย ส่วนเนื้อด้านในจะมีสีแตกต่างไปตามชนิดของกระชาย และจะมีกลิ่นหอม ส่วนที่อยู่เหนือดินจะประกอบด้วยโคนก้านใบที่เป็นกาบหุ้มซ้อนกัน กาบใบจะมีสีแดงเรื่อ ๆ ตรงแผ่นใบจะเป็นรูปรีส่วนปลายจะแหลม กว้างประมาณ 4.5-10 ซม. ยาวประมาณ 15-30 ซม. ส่วนตรงกลางด้านในของก้านใบจะมีช่องลึก ดอกช่อออกแทรกอยู่ระหว่างกาบใบที่โคนต้น กลีบดอกมีสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ดอกย่อยบานครั้งละ 1 ดอก ส่วนในเหง้ากระชายนี้จะมีน้ำมันหอมระเหยและมีสารสำคัญหลายชนิดสะสมอยู่ซึ่งจะมีสรรพคุณในการดับกลิ่นคาวและเป็นสารที่มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรหลายชนิดสารทีว่านี้คือ สารแคมฟีน (Camphene) ทูจีน (Thujene) และการบูร เมื่อรับประทานเป็นอาหารจะพบได้ในน้ำยาขนมจีน และเครื่องผสมในเครื่องแกงต่าง ๆ เนื่องจากว่ากระชายมีสารต่างๆจึงมีสรรพคุณทางที่ช่วยในการแก้โรคต่าง ๆ ดังนี้ จะมีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง สรรพคุณในการแก้องคชาตตาย, สรรพคุณแก้ปวดข้อ, สรรพคุณแก้วิงเวียน แน่นหน้าอกมสรรพคุณแก้ท้องเดิน, สรรพคุณแก้แผลในปาก, สรรพคุณแก้ฝี, สรรพคุณแก้กลาก, สรรพคุณแก้บิด, สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ และในกระชายยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายซึ่งจะพบตรงเหง้าของกระชาย คือ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินต่าง ๆ ซึ่งมีประโยชน์แก่ร่างกาย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้นกระชายนับว่าเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งมีความสูงประมาณ 2-3ฟุต มีลำต้นใต้ดินเรียกว่า "เหง้า" เป็นเหง้าสั้นแตกหน่อได้ เช่นเดียวกับขิง ข่า และขมิ้น รากอวบรูปทรงกระบอกหรือรูปไข่ค่อนข้างยาวปลายเรียวแหลมออกเป็นกระจุก มีผิวสีน้ำตาลอ่อนเนื้อใบสีเหลืองมีกลิ่นหอมเฉาะตัว ส่วนที่อยู่เหนือดินเป็นกาบใบที่หุ้มซ้อนกันเป็นชั้น ๆ สีแดงเรื่อ ๆ ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับตัวใบรูปรีปลายใบเรียวแหลม ขอบใบเรียบ เส้นกลางใบ ก้านใบและกาบใบด้านบนเป็นร่อง ด้านล่างนูนเป็นสัน ออกดอกเป็นช่อสีขาวหรือขาวอมชมพูที่ยอด (แทรกอยู่ระหว่างกาบใบ) ดอกบานทีละดอก มีลักษณะเป็นถุง ผลเป็นผลแห้งเมื่อแก่แล้ว
ลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดจากส่วนต่าง ๆ
- ต้น เป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นมีความสูงประมาณ 9 ซม. ส่วนกลางของลำต้นเป็นแกนแข็ง มีกาบหรือโคนใบหุ้ม
- ใบ มีกลิ่นหอม ก้านใบแทงขึ้นจากหัวในดิน ออกเป็นรัศมีติดผิว ขนาดใบจะกว้าง 7-9 ซม. ยาว 30-35 ซม.
- ดอก มีสีม่วงดอกออกเป็นช่อ กลีบรองกลีบดอกเชื่อมต่อกัน มีรูปลักษณะเป็นท่อ มีขน โคนเชื่อมติดกันเป็นช่อยาว เกสรตัวผู้จะเหมือนกับกลีบดอก อับเรณูอยู่ใกล้ปลาย ท่อเกสรตัวเมียมีขนาดยาว เล็ก ยอดของมันเป็นรูปปากแตร เกลี้ยงไม่มีขน
- ผล ผลแก่มี 3 พู มีเมล็ดอยู่ด้านในเมื่อผลแก่เต็มที่จะไม่แตกส่วนที่นำมาใช้จะเป็นส่วนของรากและเหง้าที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งจะมีรสเผ็ดร้อน และขมเล็กน้อย และในส่วนของลำต้น ใบ จะนำมาทำผักจิ้มได้
ประโยชน์ทางสมุนไพร
เป็นพืชที่ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารโดยเฉพาะรากกระชาย ใช้เป็นเครื่องจิ้มหรือเป็นส่วนประกอบของน้ำพริกแกงโดยเฉพาะแกงที่ใส่ปลา เช่น แกงป่า ต้มโฮกอือ กระชายดับกลิ่นคาวของปลาได้ดี
ตำรายาไทยใช้เหง้าแก้โรคในปากเช่นปากเปื่อย ปากเป็นแผล ปากแห้ง ขับระดูขาว ขับปัสสาวะ รักษาโรคบิด แก้ปวดมวนท้อง จากการทดลองในสารสกัดแอลกอฮอล์และคลอโรฟอร์ม พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังและในปากได้ดีพอควร []
อ้างอิง
- "The Plant List: A Working List of All Plant Species". สืบค้นเมื่อ 25 January 2014.
- ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย 2010-05-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน เต็ม สมิตินันทน์ สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พ.ศ. 2549
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-11-25. สืบค้นเมื่อ 2014-08-08.
- กระชาย ข้อมูลพรรณไม้ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุ กรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- ลีนา ผู้พัฒนพงศ์ ,2530
- คณะทำงานรวบรวมความรู้เกี่ยวกับผักในโครงการหนูรักผักสีเขียว
- ภานุทรรศน์,2543
- กรรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข,2542
- แพทย์หญิงเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ ,2541
- พรพรรณ ,2543
- อบเชย วงศ์ทอง ,2544
- อาหารจากสมุนไพร อร่อย สุขภาพดี. กทม. แม่บ้าน. มปป.หน้า 94
- กระชาย ชะลอความแก่ จากห้องสมุด E-Lib]
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
krachay epnphuchsmuniphrthiplukeliyngkninpraethscinaelaexechiytawnxxkechiyngit krachaymichuxsamyxunxikkhux kaaexn xisan ehnux kasay khingsay xisan cipu engiyw aemhxngsxn siphu engiyw aemhxngsxn epaasxeraa kaehriyng aemhxngsxn epaasi kaehriyng aemhxngsxn laaexn ehnux wanphraxathity krungethph chuxsamy krachaymi 3 chnid khux krachayda krachayaedng krachayehluxngkrachaykarcaaenkchnthangwithyasastrodemn yuaekhrioxtxanackr phuchekhld phuchmithxlaeliyngekhld phuchdxkekhld phuchibeliyngediywekhld xndb khingwngs wngskhingskul skulkrachay L spichis Boesenbergia rotundachuxthwinamBoesenbergia rotunda L chuxphxngBoesenbergia cochinchinensis Gagnep Loes Boesenbergia pandurata Roxb Schltr Curcuma rotunda L Gastrochilus panduratus Roxb Ridl Gastrochilus rotundus L Alston Kaempferia cochinchinensis Gagnep Kaempferia ovata Roscoe Kaempferia pandurata Roxb lksnaepnimlmlukimmilatnbndin miehngaitdinsungaetkrakxxkipepnkracukcanwnmak xwbna trngklangphxngkwangkwaswnhwaelathay ib ediyw eriyngslbepnranabediywkn rupkhxbkhnanaekmrupikh kwang 4 5 10 esntiemtr yaw 13 15 esntiemtr trngklangdaninkhxngkanibmirxngluk dxk chx xxkaethrkxyurahwangkabibthiokhntn klibdxksikhawhruxchmphuxxn ibpradbrupibhxksimwngaedng dxkyxybankhrngla 1 dxk krachay thuxwaepnekhruxngethschnidhnungthikhnithykhunekhy knmananaelw camithinkaenid inaethbrxnxyuthibriewnexechiytawnxxkechiyngit caphbkhunxyubriewninpadibrxnchun epnimlmlukthimilatnxyuitdinsungcaeriykwa ehnga aelaehngathixyuitdincaaetkrakxxkipepnkracukcanwnmakcaepnthisasmxaharxwbnaswntrngklangcaphxngkwangkwaswnhwaelaswnthay swnenuxdanincamisiaetktangiptamchnidkhxngkrachay aelacamiklinhxm swnthixyuehnuxdincaprakxbdwyokhnkanibthiepnkabhumsxnkn kabibcamisiaedngerux trngaephnibcaepnrupriswnplaycaaehlm kwangpraman 4 5 10 sm yawpraman 15 30 sm swntrngklangdaninkhxngkanibcamichxngluk dxkchxxxkaethrkxyurahwangkabibthiokhntn klibdxkmisikhawhruxsichmphuxxn dxkyxybankhrngla 1 dxk swninehngakrachaynicaminamnhxmraehyaelamisarsakhyhlaychnidsasmxyusungcamisrrphkhuninkardbklinkhawaelaepnsarthimisrrphkhunthangyasmuniphrhlaychnidsarthiwanikhux saraekhmfin Camphene thucin Thujene aelakarbur emuxrbprathanepnxaharcaphbidinnayakhnmcin aelaekhruxngphsminekhruxngaekngtang enuxngcakwakrachaymisartangcungmisrrphkhunthangthichwyinkaraekorkhtang dngni camisrrphkhuninkarbarungkalng srrphkhuninkaraekxngkhchattay srrphkhunaekpwdkhx srrphkhunaekwingewiyn aennhnaxkmsrrphkhunaekthxngedin srrphkhunaekaephlinpak srrphkhunaekfi srrphkhunaekklak srrphkhunaekbid srrphkhunepnyaxayuwthna aelainkrachayyngmisarxaharthimipraoychnaekrangkaysungcaphbtrngehngakhxngkrachay khux aekhlesiym fxsfxrs aelawitamintang sungmipraoychnaekrangkaylksnathangphvkssastrtnkrachaynbwaepnphuchlmlukchnidhnungmikhwamsungpraman 2 3fut milatnitdineriykwa ehnga epnehngasnaetkhnxid echnediywkbkhing kha aelakhmin rakxwbrupthrngkrabxkhruxrupikhkhxnkhangyawplayeriywaehlmxxkepnkracuk miphiwsinatalxxnenuxibsiehluxngmiklinhxmechaatw swnthixyuehnuxdinepnkabibthihumsxnknepnchn siaedngerux ibepnibediyw eriyngslbtwibrupriplayiberiywaehlm khxbiberiyb esnklangib kanibaelakabibdanbnepnrxng danlangnunepnsn xxkdxkepnchxsikhawhruxkhawxmchmphuthiyxd aethrkxyurahwangkabib dxkbanthiladxk milksnaepnthung phlepnphlaehngemuxaekaelwlksnaednthiehnidchdcakswntang tnepnphrrnimlmluk latnmikhwamsungpraman 9 sm swnklangkhxnglatnepnaeknaekhng mikabhruxokhnibhum ib miklinhxm kanibaethngkhuncakhwindin xxkepnrsmitidphiw khnadibcakwang 7 9 sm yaw 30 35 sm dxkmisimwngdxkxxkepnchx klibrxngklibdxkechuxmtxkn miruplksnaepnthx mikhn okhnechuxmtidknepnchxyaw eksrtwphucaehmuxnkbklibdxk xbernuxyuiklplay thxeksrtwemiymikhnadyaw elk yxdkhxngmnepnruppakaetr ekliyngimmikhn phlphlaekmi 3 phu miemldxyudaninemuxphlaeketmthicaimaetkswnthinamaichcaepnswnkhxngrakaelaehngathixyuitdin sungcamirsephdrxn aelakhmelknxy aelainswnkhxnglatn ib canamathaphkcimidpraoychnthangsmuniphrepnphuchthiichepnswnphsmkhxngxaharodyechphaarakkrachay ichepnekhruxngcimhruxepnswnprakxbkhxngnaphrikaekngodyechphaaaekngthiispla echn aekngpa tmohkxux krachaydbklinkhawkhxngplaiddi tarayaithyichehngaaekorkhinpakechnpakepuxy pakepnaephl pakaehng khbradukhaw khbpssawa rksaorkhbid aekpwdmwnthxng cakkarthdlxnginsarskdaexlkxhxlaelakhlxorfxrm phbwamivththitanechuxrathithaihekidorkhphiwhnngaelainpakiddiphxkhwr txngkarxangxing xangxing The Plant List A Working List of All Plant Species subkhnemux 25 January 2014 chuxphrrnimaehngpraethsithy 2010 05 01 thi ewyaebkaemchchin etm smitinnthn sanknganhxphrrnim krmxuthyanaehngchati stwpa aelaphnthuphuch ph s 2549 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 11 25 subkhnemux 2014 08 08 krachay khxmulphrrnim sanknganokhrngkarxnurksphnthu krrmphuchxnenuxngmacakphrarachdari smedcphraethphrtnrachsuda syambrmrachkumari lina phuphthnphngs 2530 khnathanganrwbrwmkhwamruekiywkbphkinokhrngkarhnurkphksiekhiyw phanuthrrsn 2543 krrmkaraephthykrathrwngsatharnsukh 2542 aephthyhyingephynpha thrphyecriy 2541 phrphrrn 2543 xbechy wngsthxng 2544 xaharcaksmuniphr xrxy sukhphaphdi kthm aemban mpp hna 94 krachay chalxkhwamaek cakhxngsmud E Lib