บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
บทความนี้ไม่มีจาก |
บทความนี้อาจต้องเขียนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นไปตามของวิกิพีเดีย หรือกำลังดำเนินการอยู่ คุณช่วยเราได้ อาจมีข้อเสนอแนะ |
เมืองโบราณแสลงโทน ตั้งอยู่หมู่ที่ 1–7 แสลงโทน ตำบลแสลงโทน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเมืองที่มีการอาศัยตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย และมีการทิ้งร้างไประยะหนึ่ง จึงมีชุมชนในละแวกใกล้เคียงเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยซ้อนทับชุมชนเมืองโบราณเดิม ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2478 เริ่มมีการศึกษาจากกรมศิลปากร
เมืองโบราณแสลงโทน ตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2445 โดยห่างจากอำเภอเมืองบุรีรัมย์ประมาณ 25 กิโลเมตร
ลักษณะทั่วไป
จากภาพถ่ายทางอากาศและหลักฐาน ทางโบราณคดีที่พบแสดงให้เห็นว่า เมืองโบราณแสลงโทน มีการอาศัยมาตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย เป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 – 16 หรือ ประมาณ 2,000 - 1,500 ปี ช่วงนี้จะอาศัยกันอยู่อย่างไม่หนาแน่นนัก มีการขุดคูน้ำหรือคูเมืองละลม เป็นคูเมืองเก่าล้อมรอบชุมชนและกำแพงดินเป็น 3 ชั้น เพื่อใช้ป้องกันภัยศัตรู ผู้รุกราน และเพื่อกักเก็บน้ำและอาหาร ลักษณะของผังเมืองจะเป็นรูปวงรีวางตามแนวตะวันออก ตะวันตก ขนาดสูงของกำแพงดิน 5-7 เมตร มีพื้นที่ในเขตเมืองโบราณโดยประมาณทั้งสิ้น 1.19 ตารางกิโลเมตร และยังพบหลักฐานต่างๆทางโบราณคดี เช่น ใบเสมาในเขตเมืองโบราณแสลงโทน ซึ่งมีอยู่ 3 กลุ่มคือ ภายในกำแพงเมือง 2 กลุ่ม ที่บริเวณศาลเจ้าพ่อแสลงโทน และโคกพระนอนหน้าโรงพักตำรวจ ส่วนอีกกลุ่มอยู่นอกคูเมืองด้านทิศเหนือ ลักษณะใบเสมาทั้ง 3 กลุ่มเป็นหินทรายสีขาวและแดงแบบรูปทรงธรรมชาติ ปักกระจายทั่วบริเวณหนึ่ง โดยไม่กำหนดทิศทางมีทั้งที่ปักคู่และปักเดี่ยว และยังพบหินศิลาแลง หินทรายสีชมพูในบริเวณศาลเจ้าพ่อแสลงโทนและโคกพระนอนหน้าโรงพักตำรวจ เครื่องใช้ เครื่องประดับ เศษภาชนะดินเผา โครงกระดูกมนุษย์ เทวรูปเก่านอกจากนี้ยังพบหลักฐานอื่นที่สำคัญ คือ สระน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมในเขตวัดแสลงโทน 2 สระ เป็นต้น ใกล้คันดินด้านที่ตั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแสลงโทนในปัจจุบัน มีเนินดินซึ่งมีก้อนหินศิลาแลงกระจัดกระจายแต่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งศาลเจ้าพ่อแสลงโทน เรียกว่า ศาลปู่เจ้าหรือกระท่อมเนียะตา เป็นศาลเจ้า ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวแสลงโทนและชาวใกล้เคียง สร้างด้วยไม้ระแนง หลังคามุงกระเบื้องและพื้นเป็นปูนซีเมนต์ และบริเวณเนินดินโรงพักตำรวจชุมชนตำบลแสลงโทนเช่นเดียวกัน สันนิษฐานว่าทั้งสองแห่งน่าจะเป็น ปราสาทแสลงโทนและมีพระพุทธรูปบางไสยาสน์ศิลาทราย ซึ่งเข้าใจว่าบริเวณนี้เคยเป็นศาสนสถานสำคัญประจำชุมชนโบราณ ถูกรื้อหมดสภาพ ทั้งคูน้ำคันดิน (ที่เหลืออยู่ริมทางหลวง) และเนินดินศาลเจ้าพ่อแสลงโทน ได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานแล้ว
อ้างอิง
- กรมศิลปากร. 2532. "แผนที่ทางโบราณคดีจังหวัดบุรีรัมย์". มปท. หน้า 97
- วารสารบทความทางวิชาการ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปกร http://www.damrong-journal.su.ac.th/upload/pdf/68_8.pdf
- ข้อมูลพิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา เข้าถึงออนไลน์ทาง http://koratmuseum.com/download/pitakchai.pdf
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixactxngkartrwcsxbtnchbb indaniwyakrn rupaebbkarekhiyn kareriyberiyng khunphaph hruxkarsakd khunsamarthchwyphthnabthkhwamidbthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir bthkhwamnixactxngekhiynihmthnghmdephuxihepniptammatrthankhunphaphkhxngwikiphiediy hruxkalngdaeninkarxyu khunchwyeraid hnaxphiprayxacmikhxesnxaena emuxngobranaeslngothn tngxyuhmuthi 1 7 aeslngothn tablaeslngothn xaephxpraokhnchy cnghwdburirmy epnemuxngthimikarxasytngaetyukhkxnprawtisastrtxnplay aelamikarthingrangiprayahnung cungmichumchninlaaewkiklekhiyngekhamatngthinthanxyuxasysxnthbchumchnemuxngobranedim txmaemuxpi ph s 2478 erimmikarsuksacakkrmsilpakr emuxngobranaeslngothn tngxyurimthanghlwngaephndinhmayelkh 2445 odyhangcakxaephxemuxngburirmypraman 25 kiolemtrlksnathwipcakphaphthaythangxakasaelahlkthan thangobrankhdithiphbaesdngihehnwaemuxngobranaeslngothn mikarxasymatngaetsmyyukhkxnprawtisastrtxnplay epnemuxngobranthisrangkhuninsmythwarwdi xayurawphuththstwrrsthi 12 16 hrux praman 2 000 1 500 pi chwngnicaxasyknxyuxyangimhnaaennnk mikarkhudkhunahruxkhuemuxnglalm epnkhuemuxngekalxmrxbchumchnaelakaaephngdinepn 3 chn ephuxichpxngknphystru phurukran aelaephuxkkekbnaaelaxahar lksnakhxngphngemuxngcaepnrupwngriwangtamaenwtawnxxk tawntk khnadsungkhxngkaaephngdin 5 7 emtr miphunthiinekhtemuxngobranodypramanthngsin 1 19 tarangkiolemtr aelayngphbhlkthantangthangobrankhdi echn ibesmainekhtemuxngobranaeslngothn sungmixyu 3 klumkhux phayinkaaephngemuxng 2 klum thibriewnsalecaphxaeslngothn aelaokhkphranxnhnaorngphktarwc swnxikklumxyunxkkhuemuxngdanthisehnux lksnaibesmathng 3 klumepnhinthraysikhawaelaaedngaebbrupthrngthrrmchati pkkracaythwbriewnhnung odyimkahndthisthangmithngthipkkhuaelapkediyw aelayngphbhinsilaaelng hinthraysichmphuinbriewnsalecaphxaeslngothnaelaokhkphranxnhnaorngphktarwc ekhruxngich ekhruxngpradb essphachnadinepha okhrngkradukmnusy ethwrupekanxkcakniyngphbhlkthanxunthisakhy khux sranaobranrupsiehliyminekhtwdaeslngothn 2 sra epntn iklkhndindanthitngorngphyabalsngesrimsukhphaphtablaeslngothninpccubn mienindinsungmikxnhinsilaaelngkracdkracayaetpccubnepnthitngsalecaphxaeslngothn eriykwa salpuecahruxkrathxmeniyata epnsaleca sungepnthiekharphnbthuxkhxngchawaeslngothnaelachawiklekhiyng srangdwyimraaenng hlngkhamungkraebuxngaelaphunepnpunsiemnt aelabriewnenindinorngphktarwcchumchntablaeslngothnechnediywkn snnisthanwathngsxngaehngnacaepn prasathaeslngothnaelamiphraphuththrupbangisyasnsilathray sungekhaicwabriewnniekhyepnsasnsthansakhypracachumchnobran thukruxhmdsphaph thngkhunakhndin thiehluxxyurimthanghlwng aelaenindinsalecaphxaeslngothn idprakaskhunthaebiynobransthanaelwxangxingkrmsilpakr 2532 aephnthithangobrankhdicnghwdburirmy mpth hna 97 warsarbthkhwamthangwichakar khnaobrankhdi mhawithyalysilpkr http www damrong journal su ac th upload pdf 68 8 pdf khxmulphiphithphnthemuxngnkhrrachsima ekhathungxxnilnthang http koratmuseum com download pitakchai pdf