เช งกราน อ งกฤษ pelvis เป นโครงสร างกระด กของร างกายท อย ปลายล างของกระด กส นหล ง จ ดเป นส วนหน งของโครงกระด กรยางค appe

เชิงกราน (อังกฤษ: pelvis) เป็นโครงสร้างกระดูกของร่างกายที่อยู่ปลายล่างของกระดูกสันหลัง จัดเป็นส่วนหนึ่งของโครงกระดูกรยางค์ (appendicular skeleton) กระดูกเชิงกรานประกอบด้วย (hipbone) , กระดูกใต้กระเบนเหน็บ (sacrum) , และ (coccyx) กระดูกสะโพกประกอบด้วยกระดูกย่อยๆ 3 ชิ้น ได้แก่ กระดูกปีกสะโพก (ilium) , (ischium) , และ (pubis) กระดูกปีกสะโพกเป็นกระดูกที่ใหญ่ที่สุดและเป็นส่วนบนสุด กระดูกก้นเป็นส่วนที่อยู่ด้านหลังเยื้องด้านล่าง และกระดูกหัวหน่าวเป็นส่วนหน้าของกระดูกสะโพก กระดูกสะโพก 2 ชิ้นจะมาเชื่อมกันทางด้านหน้าเป็น (symphysis pubis) และเชื่อมด้านหลังกับกระดูกใต้กระเบนเหน็บ เชิงกรานจะประกอบกันเป็นเบ้าของข้อต่อ เกิดเป็นกระดูกโอบรยางค์ล่าง (หรือรยางค์หลัง)

เชิงกราน (Pelvis)
เชิงกรานแบบหญิง
เชิงกรานแบบชาย
ตัวระบุ
MeSH	D010388
TA98	A01.1.00.017
TA2	129
[แก้ไขบนวิกิสนเทศ]

ความแตกต่างระหว่างเพศ

ในเพศหญิง มุมใต้เชิงกราน (Infrapubic angle) จะเป็นมุมป้าน แต่ในเพศชายจะเป็นมุมแหลม
(Pelvic inlet) ในเพศชายจะมีลักษณะคล้ายหัวใจ แต่ในเพศหญิงจะกลมหรือรีกว่า
(Greater sciatic notch) ในเพศชายแคบกว่า
(Acetabulum) ในเพศชายจะหันหน้าไปทางด้านข้าง แต่ในเพศหญิงจะหันไปทางด้านหน้า
กระดูกใต้กระเบนเหน็บในเพศหญิงจะเป็นรูปสามเหลี่ยมมากกว่า

ชนิดของเชิงกราน

เชิงกรานแบ่งตามลักษณะรูปร่างออกได้เป็น 4 แบบ

เชิงกรานแบบหญิง (gynaecoid pelvis) เป็นรูปแบบปกติของเพศหญิง มีลักษณะกลม และเส้นผ่านศูนย์กลางกว้าง
เชิงกรานแบบชาย (android pelvis) เป็นรูปแบบปกติของเพศชาย เป็นรูปหัวใจ
เชิงกรานแบบแอนโทรพอยด์ (anthropoid pelvis) มีเส้นผ่านศูนย์กลางในแนวหน้าหลังยาว
เชิงกรานแบบแพลติเพลลอยด์ (platypelloid pelvis) มีเส้นผ่านศูนย์กลางในแนวขวางยาวกว่า

ภาพอื่นๆ

ภาพเอกซเรย์แสดงข้อต่อสะโพกปกติ
ภาพตัดระนาบแบ่งครึ่งซ้ายขวาของเชิงกราน
ข้อต่อของเชิงกราน มุมมองทางด้านหน้า
ข้อต่อของเชิงกราน มุมมองทางด้านหลัง
ข้อต่อสะโพกข้างซ้าย เมื่อเปิดเอาพื้นของเบ้าหัวกระดูกต้นขาจากภายในกระดูกเชิงกราน

อ้างอิง

Saukko P, Knight B. Knight's Forensic Pathology, 3rd Ed. Edward Arnold Ltd. 2004. .

แหล่งข้อมูลอื่น

Pelvis จากเว็บไซต์ eMedicine Dictionary
Coccyx pain, tailbone pain, coccydynia (Peer-reviewed medical chapter, available free online at eMedicine)

[1] Saukko P, Knight B. Knight's Forensic Pathology, 3rd Ed. Edward Arnold Ltd. 2004. .