อนุสัญญาเจนีวา (อังกฤษ: Geneva Conventions) คือสนธิสัญญาสี่ฉบับ และพิธีสารสามฉบับที่วางมาตรฐานในการปฏิบัติต่อผู้เป็นเหยื่อของสงครามอย่างมีมนุษยธรรม ได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2492 และเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2493 มีเป้าหมายให้การสงเคราะห์ทหาร และพลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม โดยประสานงานใกล้ชิดกับคณะกรรมการกาชาดสากล (ไอซีอาร์ซี)
ภาคีของอนุสัญญา 4 ฉบับ และพิธีสาร 1–3 | ภาคีของอนุสัญญา 4 ฉบับ และพิธีสาร 1-2 |
ภาคีของอนุสัญญา 4 ฉบับ และพิธีสาร 1, 3 | ภาคีของอนุสัญญา 4 ฉบับ และพิธีสาร 1 |
ภาคีของอนุสัญญา 4 ฉบับ และพิธีสาร 3 | ภาคีของอนุสัญญา 4 ฉบับ ไม่เป็นภาคีพิธีสาร |
เนื้อหา
จากการประชุมที่จัดโดยรัฐบาลประเทศสวิตเซอร์แลนด์และประเทศต่าง ๆ ในยุโรปอีก 12 ประเทศในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2407 อนุสัญญาทั้งสี่ฉบับมีสาระสำคัญดังนี้
- อนุสัญญาฉบับที่ 1 "เพื่อให้ผู้บาดเจ็บและป่วยไข้ในกองทัพมีสภาวะดีขึ้น"
- อนุสัญญาฉบับที่ 2 "เพื่อให้ผู้สังกัดในกองทัพขณะอยู่ในทะเลซึ่งบาดเจ็บ ป่วยไข้ และเรือต้องอับปาง มีสภาวะดีขึ้น"
- อนุสัญญาฉบับที่ 3 "เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเชลยศึก"
- อนุสัญญาฉบับที่ 4 ว่าด้วยการปกป้องคุ้มครองบุคคลพลเรือนในระหว่างสงคราม หรือการขัดแย้งทางกำลังทหารประเทศต่าง ๆ ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้ ดังนี้
- การรักษาพยาบาลแก่เพื่อนและศัตรูโดยเท่าเทียมกัน
- เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เกียรติของมนุษย์ สิทธิในครอบครัว ในการนับถือศาสนาและเกียรติของสตรี
- ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ไปเยี่ยมนักโทษสงคราม และประชาชนที่อยู่ในค่ายกักกัน โดยพูดกับผู้ถูกกักขังอย่างไม่มีพยานร่วมรับรู้
- ห้ามการกระทำที่ไม่มีมนุษยธรรม การทรมาน การประหารชีวิต การเนรเทศ จับตัวประกัน สอบสวนหมู่การกระทำที่รุนแรงและทำลายทรัพย์สินส่วนตัวอย่างไม่ปรานี
นอกจากนี้ อนุสัญญาเจนีวาฉบับนี้ ยังได้กล่าวถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการคุ้มครองพลเรือนให้พ้นจากภัยสงครามระหว่างประเทศและคุ้มครองแก่พวกกบฏให้พ้นจากการถูกทรมานในกรณีเกิดสงครามกลางเมืองภายในประเทศ รวมทั้งมีสาระอื่น ๆ อีก เช่น เงื่อนไขการลงโทษเพื่อคุ้มครองผู้ถูกต้องโทษ และการส่งตัวนักโทษสงครามกลับสู่ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตน เป็นต้น
พิธีสาร
อนุสัญญาปี 2492 ยังมีการแก้ไขเพิ่มเติมด้วยพิธีสารอีกสามฉบับ
- พิธีสาร 1 (ปี 2520) ว่าด้วยการคุ้มครองผู้เสียหายของการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศ
- พิธีสาร 2 (ปี 2520) ว่าด้วยการคุ้มครองผู้เสียหายของการขัดกันไม่ใช่ด้วยอาวุธระหว่างประเทศ
- พิธีสาร 3 (ปี 2548) ว่าด้วยการรับสัญลักษณ์พิเศษเพิ่มเติม
การใช้
อนุสัญญาเจนีวาใช้ได้ในยามสงครามและการขัดกันด้วยอาวุธต่อรัฐบาลที่ให้สัตยาบันต่อเงื่อนไขของอนุสัญญา รายละเอียดของการใช้มีระบุในข้อ 2 และ 3 ร่วม
ข้อ 2 ร่วมว่าด้วยการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศ
ระบุว่าอนุสัญญาเจนีวาใช้กับความขัดแย้งระหว่างประเทศทุกกรณี ซึ่งรัฐซึ่งรบกันอยู่นั้นอย่างน้อยหนึ่งรัฐให้สัตยาบันอนุสัญญาเจนีวา โดยหลักคือ
- อนุสัญญาใช้กับสงครามที่ประกาศทุกกรณีระหว่างชาติที่ลงนาม
- อนุสัญญาใช้กับความขัดแย้งด้วยอาวุธระหว่างชาติผู้ลงนามตั้งแต่สองชาติขึ้นไป ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมในปี 2492 เพื่อให้ครอบคลุมสถานการณ์ที่มีลักษณะแห่งสงครามซึ่งไม่มีการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ เช่น การปฏิบัติของตำรวจ
- อนุสัญญาใช้กับชาติผู้ลงนามแม้ว่าชาติอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ลงนาม แต่เฉพาะถ้าอีกฝ่าย "ยอมรับและใช้บทบัญญัติ" ของอนุสัญญาฯ
เมื่อเข้าเงื่อนไขความขัดแย้งระหว่างประเทศ จะถือว่าใช้ความคุ้มครองเบ็ดเสร็จของอนุสัญญาฯ
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Jean S. Pictet. “The New Geneva Conventions for the Protection of War Victims” The American Journal of International Law Vol. 45, No. 3 (1951): pg. 462.
- "Convention for the Amelioration of the Condition of the Wounded in Armies in the Field. Geneva, 22 August 1864". Geneva, Switzerland: International Committee of the Red Cross ICRC. สืบค้นเมื่อ 2017-06-11.
- Roxburgh, Ronald (1920). International Law: A Treatise. London: Longmans, Green and co. p. 707. สืบค้นเมื่อ 14 July 2009.
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xnusyyaecniwa xngkvs Geneva Conventions khuxsnthisyyasichbb aelaphithisarsamchbbthiwangmatrthaninkarptibtitxphuepnehyuxkhxngsngkhramxyangmimnusythrrm idrbkarrbrxngemuxwnthi 12 singhakhm ph s 2492 aelaerimmiphlbngkhbichemuxwnthi 21 tulakhm ph s 2493 miepahmayihkarsngekhraahthhar aelaphleruxnthiidrbphlkrathbcaksngkhram odyprasannganiklchidkbkhnakrrmkarkachadsakl ixsixarsi tnchbbxnusyyaecniwaaebb PDF kh s 1864 phakhikhxngxnusyya 4 chbb aelaphithisar 1 3 phakhikhxngxnusyya 4 chbb aelaphithisar 1 2 phakhikhxngxnusyya 4 chbb aelaphithisar 1 3 phakhikhxngxnusyya 4 chbb aelaphithisar 1 phakhikhxngxnusyya 4 chbb aelaphithisar 3 phakhikhxngxnusyya 4 chbb imepnphakhiphithisarenuxhacakkarprachumthicdodyrthbalpraethsswitesxraelndaelapraethstang inyuorpxik 12 praethsineduxnsinghakhm ph s 2407 xnusyyathngsichbbmisarasakhydngni xnusyyachbbthi 1 ephuxihphubadecbaelapwyikhinkxngthphmisphawadikhun xnusyyachbbthi 2 ephuxihphusngkdinkxngthphkhnaxyuinthaelsungbadecb pwyikh aelaeruxtxngxbpang misphawadikhun xnusyyachbbthi 3 ekiywkbkarptibtitxechlysuk xnusyyachbbthi 4 wadwykarpkpxngkhumkhrxngbukhkhlphleruxninrahwangsngkhram hruxkarkhdaeyngthangkalngthharpraethstang ihstyabntxxnusyyani dngni karrksaphyabalaekephuxnaelastruodyethaethiymkn ekharphinskdisrikhwamepnmnusy ekiyrtikhxngmnusy siththiinkhrxbkhrw inkarnbthuxsasnaaelaekiyrtikhxngstri ihxanacecahnathikhxngkhnakrrmkarkachadrahwangpraeths ipeyiymnkothssngkhram aelaprachachnthixyuinkhaykkkn odyphudkbphuthukkkkhngxyangimmiphyanrwmrbru hamkarkrathathiimmimnusythrrm karthrman karpraharchiwit karenreths cbtwprakn sxbswnhmukarkrathathirunaerngaelathalaythrphysinswntwxyangimprani nxkcakni xnusyyaecniwachbbni yngidklawthungkhxkahndekiywkbkarkhumkhrxngphleruxnihphncakphysngkhramrahwangpraethsaelakhumkhrxngaekphwkkbtihphncakkarthukthrmaninkrniekidsngkhramklangemuxngphayinpraeths rwmthngmisaraxun xik echn enguxnikhkarlngothsephuxkhumkhrxngphuthuktxngoths aelakarsngtwnkothssngkhramklbsupraethsbanekidemuxngnxnkhxngtn epntn phithisar xnusyyapi 2492 yngmikaraekikhephimetimdwyphithisarxiksamchbb phithisar 1 pi 2520 wadwykarkhumkhrxngphuesiyhaykhxngkarkhdkndwyxawuthrahwangpraeths phithisar 2 pi 2520 wadwykarkhumkhrxngphuesiyhaykhxngkarkhdknimichdwyxawuthrahwangpraeths phithisar 3 pi 2548 wadwykarrbsylksnphiessephimetimkarichxnusyyaecniwaichidinyamsngkhramaelakarkhdkndwyxawuthtxrthbalthiihstyabntxenguxnikhkhxngxnusyya raylaexiydkhxngkarichmirabuinkhx 2 aela 3 rwm khx 2 rwmwadwykarkhdkndwyxawuthrahwangpraeths rabuwaxnusyyaecniwaichkbkhwamkhdaeyngrahwangpraethsthukkrni sungrthsungrbknxyunnxyangnxyhnungrthihstyabnxnusyyaecniwa odyhlkkhux xnusyyaichkbsngkhramthiprakasthukkrnirahwangchatithilngnam xnusyyaichkbkhwamkhdaeyngdwyxawuthrahwangchatiphulngnamtngaetsxngchatikhunip sungepnkarephimetiminpi 2492 ephuxihkhrxbkhlumsthankarnthimilksnaaehngsngkhramsungimmikarprakassngkhramxyangepnthangkar echn karptibtikhxngtarwc xnusyyaichkbchatiphulngnamaemwachatixikfayimichphulngnam aetechphaathaxikfay yxmrbaelaichbthbyyti khxngxnusyya emuxekhaenguxnikhkhwamkhdaeyngrahwangpraeths cathuxwaichkhwamkhumkhrxngebdesrckhxngxnusyyaduephimxnusyyaecniwachbbthihnung xnusyyaecniwachbbthisxng xnusyyaecniwachbbthisam xnusyyaecniwachbbthisixangxingJean S Pictet The New Geneva Conventions for the Protection of War Victims The American Journal of International Law Vol 45 No 3 1951 pg 462 Convention for the Amelioration of the Condition of the Wounded in Armies in the Field Geneva 22 August 1864 Geneva Switzerland International Committee of the Red Cross ICRC subkhnemux 2017 06 11 Roxburgh Ronald 1920 International Law A Treatise London Longmans Green and co p 707 subkhnemux 14 July 2009 aehlngkhxmulxunbthkhwamkdhmayniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk