มีข้อสงสัยว่าบทความนี้อาจละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ระบุไม่ได้ชัดเจนเพราะขาด หรืออ้างถึงสิ่งพิมพ์ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ หากแสดงได้ว่าบทความนี้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แทนป้ายนี้ด้วย {{}} หากคุณมั่นใจว่าบทความนี้ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แสดงหลักฐาน โปรดอย่านำป้ายนี้ออกก่อนมีข้อสรุป |
ประวัติและที่มาของตำราสุริยยาตร์และมานัต
ตำราสุริยยาตร์และมานัต เป็นตำราสำหรับคำนวณตำแหน่งของดวงดาวซึ่งใช้ในวงการโหราศาสตร์ไทย มีข้อสันนิษฐานโดยอิงจากหลักฐานทางโบราณคดีว่า ตำราสุริยยาตร์และมานัตมีใช้ในวงการโหราศาสตร์ไทยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว ในสมัยอยุธยาก็มีหลักฐานปรากฏถึงการมีอยู่ของตำราชุดนี้
ในปีพุทธศักราช 2228 (ค.ศ.1685) รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ฝรั่งเศสส่งคณะทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับอยุธยาเป็นครั้งแรกโดยมี เชอวาเลียร์ เดอ โชมองต์เป็นราชทูต นอกจากการเจริญสัมพันธไมตรีแล้ว คณะทูตยังมาทำการสำรวจจันทรุปราคาที่จะเกิดขึ้นในระยะนั้น โดยเตรียมกล้องดูดาวและอุปกรณ์มาพร้อมสรรพ เรื่องราวการสำรวจจันทรุปราคาและการถวายกล้องดูดาวให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ทรงทอดพระเนตร ปรากฏในประวัติศาสตร์ของทั้งสองชาติ แต่มีเรื่องที่ทำให้คณะนักดาราศาสตร์ของฝรั่งเศสที่เดินทางมาต้องแปลกใจ โดยมีบันทึกในจดหมายเหตุของ บาดหลวง กีย์ ตาชารด์ ซึ่งเดินทางมาในคณะทูตด้วยว่า
“มีพราหมณ์ซึ่งเป็นโหรคนหนึ่งที่เมืองละโว้ ได้พยากรณ์อุปราคาครั้งนี้ไว้ผิดไปชั่วเสี้ยวนาฬิกาเท่านั้นเอง แต่ก็คำนวณเวลาที่คราสจับนั้นผิดไปอักโข โดยว่าการคลายนั้นจะปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้าภายหลังที่อาทิตย์อุทัยแล้ว ก่อนหน้านี้สองสามวัน เราได้ประชุมหารือกับท่านโหราจารย์ผู้นี้อยู่ แต่โดยที่เราฟังภาษาสยามไม่ออก เราจึงหมดปัญญาไม่สามารถทราบได้ว่าเขาใช้วิธีใดคำนวณอุปราคา”
หลังจากคณะทูตชุดแรกเดินทางมาเพียงสองปี ในปีพุทธศักราช 2230 (ค.ศ.1687) ฝรั่งเศสส่งคณะทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับอยุธยาเป็นครั้งที่สองโดยมี โกลด เซเบเรต์ เดอ บุลเล เป็นราชทูตคนที่ หนึ่ง และซิมอง เดอ ลา ลูแบร์ เป็นราชทูตคนที่สอง เมื่อคณะทูตชุดนั้นเดินทางกลับในปีถัดไป ลา ลูแบร์ ได้นำตำราสุริยยาตร์กลับไปด้วยและได้มอบตำราสุริยยาตร์ให้แก่ จิโอวานนี โดมินิโก แคสสินี นักดาราศาสตร์ของฝรั่งเศส (เดิมเป็นชาวอิตาลี) เพื่อตรวจสอบ แคสสินีผู้นี้คือผู้คำนวณระยะห่างระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ได้อย่างแม่นยำเป็นคนแรก
แคสสินีได้ตรวจสอบตำราสุริยยาตร์ที่ได้ไป รายละเอียดตัวเลขในตำรานั้นตรงกับตำราสุริยยาตร์ฉบับจุลศักราชตัดสรุปอัปที่ใช้กันอยู่จนถึงทุกวันนี้ทุกประการ แคสสินีได้สังเกตเห็นการแก้ไขตัวเลขมัธยมอาทิตย์ มัธยมจันทร์ในตำรา และได้สรุปไว้ดังนี้
“เพราะเหตุฉะนี้ข้าพเจ้าจึงได้ตัดสินว่า ที่เอา 40 ลิปดาออกเสียจากอาการโคจรของดวงจันทร์ และเอาอาการโคจรของดวงอาทิตย์ออกเสีย 3 ลิปดานั้น เป็นผลเนื่องจากความแตกต่างลางประการระหว่างเส้นเมริเดียนที่ได้ปรับเข้ากับหลักเกณฑ์เหล่านี้ไว้แต่ต้น กับเมริเดียนอีกเส้นหนึ่งที่ได้มีการตัดทอนต่อภายหลัง........ และสมมุติว่าเขาได้ทอนปรับเข้ากับเส้นเมริเดียนของประเทศสยามแล้วไซร้ หลักเกณฑ์อันนี้ก็จะลงกันได้กับหลักเกณฑ์อันแรก อย่างใกล้เคียงกับเส้นเมริเดียนนรสิงห์ (Narsinga) นั่นแล”
ในสมัยรัตนโกสินทร์ ตำราสุริยยาตร์และมานัต ได้ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2473 เรียบเรียงโดยหลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) โดยอยู่ในชุดตำราโหราศาสตร์ไทย เล่มที่ 3 ในชื่อว่า "พระสุริยยาตร์และมานัต" ผู้เขียนได้อธิบายไว้ในคำนำของหนังสือว่า
"ตำราพระสุริยยาตร์และมานัตนี้ เป็นตำราที่เป็นหลักสำหรับคำนวณทำปฏิทินที่ใช้ในทางราชการ และปฏิทินโหราศาสตร์อยู่ทุกๆปี ข้าพเจ้าได้เริ่มเรียบเรียงให้เป็นตำราเรียน ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๖ และค้างมาเป็นเวลาช้านาน จะได้ชี้แจงเหตุผลไว้ให้ทราบดังต่อไปนี้ แต่เดิมเมื่อข้าพเจ้าได้เรียนไปบ้างแล้ว รู้สึกว่ายังไม่ได้รับความเข้าใจในเหตุผลที่ครูให้ทำอย่างนั้นเลย เป็นแต่สักว่าทำไปได้ตามที่ครูสอนให้ เป็นการเบื่อและหนักใจมาก ข้าพเจ้าจึงได้ขอเรียนประวัติของโหราศาสตร์ ที่กล่าวด้วยเหตุผลตั้งเกณฑ์คำนวณขึ้นเป็นครั้งแรกแล้ว ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาอย่างไรจนถึงสมัยปัจจุปบันนี้แก่พระเทวโลก พระเทวโลกได้ชี้แจงว่า เกณฑ์การคำนวณโหราศาสตร์เท่าที่เล่าเรียนกันอยู่ในเวลานี้ เป็นแต่จำเกณฑ์ได้ก็ทำกันไปตามเกณฑ์ ส่วนเรื่องราวจะมีมาแต่เดิมเป็นอย่างไรนั้น เข้าใจว่าจะไม่ได้ตกเข้ามาในประเทศสยาม เพราะตำราโหราศาสตร์ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศสยามเป็นเดิมมา แต่ถ้าได้มีอยู่ก็คงจะได้ศูนย์เสียครั้งกรุงเก่าเสียแก่พะม่าแล้ว จึงไม่ได้มีใครพบเห็นที่ไหนเลย" (สะกดตามต้นฉบับเดิม)
ผลการคำนวณดาวอาทิตย์
ในการคำนวณดาวอาทิตย์ตามตำราสุริยยาตร์และมานัตนั้น เมื่อสร้างแบบจำลองด้วยภาพวาดโดยอาศัยหลักการวาดวงรีของหลวงวิศาลดรุณกรหรือที่เรียกว่า"วงรีหลวงวิศาลฯ" จะเห็นภาพการโคจรเป็นรูปวงรีซึ่งเป็นหลักการที่ถูกต้องตามหลักดาราศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในสาระสำคัญของวงโคจรดาว ซึ่งผู้สร้างตำราสุริยยาตร์ค้นพบก่อนที่วงการดาราศาสตร์ตะวันตกจะค้นพบ
ภาพแสดงผลการคำนวณสมผุสดาวอาทิตย์ตามตำราสุริยยาตร์และมานัต จากขั้นตอนการนำมัธยมอาทิตย์ลบอุจนีถึงได้ผลลัพธ์เป็นมหาสมผุสของดาวอาทิตย์ กรอบซ้ายมือแสดงเกณฑ์การคำนวณจากตำราสุริยยาตร์และมานัต กรอบกลางแสดงผลการคำนวณ และกรอบขวามือแสดงภาพวงโคจรของดาวอาทิตย์ที่คำนวณได้จากตำราสุริยยาตร์และมานัต โดยการวาดรูปแบบวงรีหลวงวิศาลฯ
ในกรอบขวามือนั้น ตัวเลขรอบวงกลมจักราศีนอกสุด (ลิปดา มัธยม - มนทสมผุส) คือค่าลิปดาของมัธยมอาทิตย์ในจุดเปลี่ยนราศี ในการคำนวณสมผุสอาทิตย์ตามตำราสุริยยาตร์และมานัต ผลลัพธ์การคำนวณจะคงที่ กล่าวคือเมื่อมัธยมอาทิตย์มีค่าใดค่าหนึ่ง ก็จะคำนวณผลลัพธ์สมผุสอาทิตย์ได้ค่าเท่ากันทุกครั้งเสมอ ดังตัวอย่างที่จุดราศี 11–0 หรือ มีน-เมษ ตัวเลข 21469 คือจำนวนลิปดาของมัธยมอาทิตย์ที่จะให้ผลลัพธ์เป็นสมผุสอาทิตย์ที่ 0 ลิปดา หรือจุดเริ่มต้นของราศีเมษนั่นเอง ตัวเลขที่จุดเริ่มต้นของราศีอื่นๆก็มีความหมายเช่นเดียวกัน
ช่องถัดมามีตัวเลขของราศีนับจากราศีเมษเป็นราศี 0 จนถึงราศีมีนเป็นราศี 11 และวงรีหลวงวิศาลฯแสดงรูปวงโคจรของดาวอาทิตย์ โดยมีตำแหน่งสมผุสดาวอาทิตย์เป็นรูปวงกลมซึ่งอยู่ระหว่างวงกลมของจักราศีและรูปวงโคจรของดาวอาทิตย์ วงในสุดแสดงวงกลมมัธยมอาทิตย์ โดยมีตำแหน่งอาทิตย์แสดงอยู่ด้วย
ตัวเลขสองจำนวนในเส้นวงโคจรของดาวอาทิตย์นั้น คือค่าของจำนวนลิปดาในแต่ละราศี โดยเริ่มวัดจากจุดอุจนี (Aphelion) ของดาวอาทิตย์เป็นราศี 0 ไปทีละ 30 องศา และค่าของจำนวนอันโตนาทีที่คำนวณมาจากค่าลิปดาในแต่ละราศี ตัวอย่างในช่องวงโคจรที่มีเลข 0 กำกับ มีค่าเท่ากับ 1869 และ 124.60 ตัวเลข 1869 นั้นคือจำนวนลิปดาในช่องราศี 0 นั้น และคำนวณหาอันโตนาทีจากสัดส่วนที่ว่า 1 วันมี 1440 นาที มี 21600 ลิปดา ได้ 124.60 นาที ในทุกช่องราศีของเส้นวงโคจรของดาวอาทิตย์มีความหมายเช่นนี้
จากภาพที่วาดขึ้นตามหลักการวงรีหลวงวิศาลฯ จะเห็นว่าวงโคจรของดาวอาทิตย์เมื่อมองจากโลกนั้นเป็นรูปวงรี (Ellipse) ซึ่งหากมองในทางกลับกัน นี่คือวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งโคจรเป็นวงรีและมีดวงอาทิตย์เป็นจุดโฟกัสจุดหนึ่ง ตามกฎแห่งวงรีของ โยฮันเนส เคปเลอร์
ผลการคำนวณดาวเคราะห์
ภาพแสดงผลการคำนวณสมผุสดาวดาวพฤหัสบดีตามตำราสุริยยาตร์และมานัต จากขั้นตอนการนำมัธยมดาวพฤหัสบดีลบอุจนี จนถึงได้ผลลัพธ์เป็นมหาสมผุสของดาวดาวพฤหัสบดี กรอบซ้ายมือแสดงเกณฑ์การคำนวณตามตำราสุริยยาตร์และมานัต กรอบกลางแสดงผลการคำนวณ และกรอบขวามือแสดงภาพวงโคจรของดาวพฤหัสบดีที่คำนวณได้จากตำราสุริยยาตร์และมานัต โดยการวาดรูปแบบวงรีหลวงวิศาลฯ
ในกรอบขวามือด้านบนนั้น เป็นการคำนวณมนทสมผุสดาวพฤหัสบดีตามตำราสุริยยาตร์และมานัต ผลลัพธ์การคำนวณจะคงที่ กล่าวคือเมื่อมัธยมดาวพฤหัสบดีมีค่าใดค่าหนึ่ง ก็จะคำนวณผลลัพธ์มนทสมผุสดาวพฤหัสบดีได้ค่าเท่ากันทุกครั้งเสมอ เช่นเดียวกับการคำนวณดาวอาทิตย์
ในกรอบขวามือด้านล่างนั้น เป็นการคำนวณมหาสมผุสดาวพฤหัสบดีตามตำราสุริยยาตร์และมานัต ซึ่งเช่นเดียวกับมนทสมผุสผลลัพธ์การคำนวณจะคงที่ กล่าวคือเมื่อมัธยมดาวพฤหัสบดีและมัธยมรวิมีค่าใดค่าหนึ่ง ก็จะคำนวณผลลัพธ์มหาสมผุสดาวพฤหัสบดีได้ค่าเท่ากันทุกครั้งเสมอ
จากภาพที่วาดขึ้นตามหลักการวงรีหลวงวิศาลฯ จะเห็นว่าวงโคจรของดาวพฤหัสบดีเมื่อมองจากดาวอาทิตย์นั้นเป็นรูปวงรี (Ellipse) และถ้ามองจากโลกแล้วจะเห็นการโคจรของดาวพฤหสับดีมีทั้งแบบ เดินหน้า หยุดนิ่ง เดินเร็ว (เสริด) เดินช้า (มนท) และถอยหลัง (พักร) แล้วแต่ตำแหน่งและความเร็วของดาวทั้งสองจะสัมพันธ์กัน
จะเห็นได้ว่า ในการคำนวณดาวเคราะห์ของระบบสุริยจักรวาลตามตำราสุริยยาตร์และมานัต ให้ผลถูกต้องตามหลักดาราศาสตร์ หากแต่ว่าตำราสุริยยาตร์และมานัตถูกสร้างขึ้นมานานมากแล้วโดยไม่ได้มีการแก้ไขปรับปรุง จึงส่งผลให้มีความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ์อยู่บ้าง และเหตุที่ไม่ได้มีการแก้ไขและปรับปรุงเลย ก็เป็นดังที่พระเทวโลกได้ชี้แจงไว้ นั่นคือไม่มีผู้ใดทราบถึงหลักการและเกณฑ์เลขที่ใช้ในการคำนวณ
เกณฑ์คำนวณในตำราสุริยยาตร์และมานัต
เนื่องจากไม่มีผู้ใดทราบถึงหลักการและเกณฑ์เลขที่ใช้ในการคำนวณ จึงเคยมีผู้สันนิษฐานว่า ตำราสุริยยาตร์และมานัตมีหลักการคำนวณวงโคจรของดาวเคราะห์ในแบบ “เอปิไซเคิล” (Epicycle) คือแบบที่มีความเห็นว่าโลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาล และดาวต่างๆโคจรรอบโลก แต่เมื่อได้มีการค้นพบที่มาของเกณฑ์เลขที่ใช้ในการคำนวณ ทำให้สามารถค้นพบหลักในการคำนวณของตำราสุริยยาตร์และมานัต และสามารถสร้างแบบจำลองทางเรขาคณิตและใช้กรรมวิธีตรีโกณมิติพิสูจน์ผลลัพธ์ของการคำนวณวงโคจรของดาวเคราะห์ ทั้งดาวเคราะห์ชั้นใน (Inferior Planets) และ ดาวเคราะห์วงนอก (Superior Planets) ทั้งในแบบมนทสมผุส (heliocentric system) และแบบมหาสมผุส (geocentric system) เพื่อยืนยันได้ว่า ตำราสุริยยาตร์และมานัตมีหลักการคำนวณวงโคจรของดาวเคราะห์ในแบบที่มีดาวอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลาง ได้ถูกต้องตามหลักการทางดาราศาสตร์
และจากการทดสอบโดยผลการคำนวณจากตำราสุริยยาตร์และมานัตเปรียบเทียบกับผลการคำนวณทางดาราศาสตร์พบว่า ช่วงเวลาที่ตำราสุริยยาตร์และมานัตถือกำเนิดขึ้นนั้น เป็นช่วงเวลาก่อนที่วงการดาราศาสตร์ตะวันตกจะค้นพบหลักการโคจรของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลที่ถูกต้อง และจากประวัติของวงการโหราศาสตร์ไทยที่ระบุว่ามีตำราสุริยยาตร์และมานัตใช้กันมานับตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ก็สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าวงการดาราศาสตร์ตะวันตกค้นพบหลักการโคจรและวิธีการคำนวณตำแหน่งของดาวเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาล หลังจากการถือกำเนิดของตำราสุริยยาตร์และมานัต
อ้างอิง
- ตามรอยสุริยยาตร์ ตอนที่ 1 หน้า 28 โดย สหพรหม ธรรมทัต นิตยสารโหราเวสม์๒๐๐๐ ฉบับที่ ๑๕๐ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ สำนักพิมพ์เกษมบรรณกิจ ISSN 0125-2119 http://www.horawej.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539236447&Ntype=8
- ตามรอยสุริยยาตร์ ตอนที่ 3 หน้า 26 - 28 โดย สหพรหม ธรรมทัต นิตยสารโหราเวสม์๒๐๐๐ ฉบับที่ ๑๕๒ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ สำนักพิมพ์เกษมบรรณกิจ ISSN 0125-2119 http://www.horawej.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539236947&Ntype=8
- จดหมายเหตุ การเดินทางสู่ประเทศสยาม ของ บาทหลวงตาชารด์ หน้า 91 แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร พิมพ์ครั้งที่เจ็ด ๑๐,๐๐๐ เล่ม พ.ศ. ๒๕๔๑ (กรมศิลปากร) หจก.บรรณกิจเทรดดิ้ง
- จดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร พิมพ์ครั้งที่สอง หน้า 571 สำนักพิมพ์ศรีปัญญา พ.ศ. ๒๕๔๘
- ตำราโหราศาสตร์เล่ม 3 ภาคที่ ๑ พระสุริยยาตร์และมานัต หลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) พิมพ์ครั้งแรก พุทธศักราช ๒๔๗๓ จำนวน ๑๐๐๐ ฉบับ โรงพิมพ์ศรีหงส์ หลังโรงหนังนาครเขษม
- ตามรอยสุริยยาตร์ ตอนที่ 5 หน้า 25 โดย สหพรหม ธรรมทัต นิตยสารโหราเวสม์๒๐๐๐ ฉบับที่ ๑๕๔ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ สำนักพิมพ์เกษมบรรณกิจ ISSN 0125-2119 http://www.horawej.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539237644&Ntype=8
- Deferent and epicycle https://en.wikipedia.org/wiki/Deferent_and_epicycle
- ตามรอยสุริยยาตร์ ตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 17 โดย สหพรหม ธรรมทัต นิตยสารโหราเวสม์๒๐๐๐ ฉบับที่ ๑๕๐ ถึง ๑๖๖ สำนักพิมพ์เกษมบรรณกิจ ISSN 0125-2119
- ตามรอยสุริยยาตร์ ตอนที่ 4 หน้า 23 - 26 โดย สหพรหม ธรรมทัต นิตยสารโหราเวสม์๒๐๐๐ ฉบับที่ ๑๕๓ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ สำนักพิมพ์เกษมบรรณกิจ ISSN 0125-2119 http://www.horawej.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539237359&Ntype=8
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
mikhxsngsywabthkhwamnixaclaemidlikhsiththi aetrabuimidchdecnephraakhadaehlngthima hruxxangthungsingphimphthiyngtrwcsxbimid hakaesdngidwabthkhwamnilaemidlikhsiththi ihaethnpaynidwy laemidlikhsiththi hakkhunmnicwabthkhwamniimidlaemidlikhsiththi ihaesdnghlkthaninhnaxphipray oprdxyanapaynixxkkxnmikhxsrup prawtiaelathimakhxngtarasuriyyatraelamant tarasuriyyatraelamant epntarasahrbkhanwntaaehnngkhxngdwngdawsungichinwngkarohrasastrithy mikhxsnnisthanodyxingcakhlkthanthangobrankhdiwa tarasuriyyatraelamantmiichinwngkarohrasastrithymatngaetsmysuokhthyaelw insmyxyuthyakmihlkthanpraktthungkarmixyukhxngtarachudni inpiphuththskrach 2228 kh s 1685 rchsmysmedcphranaraynmharachaehngkrungsrixyuthya frngesssngkhnathutmaecriysmphnthimtrikbxyuthyaepnkhrngaerkodymi echxwaeliyr edx ochmxngtepnrachthut nxkcakkarecriysmphnthimtriaelw khnathutyngmathakarsarwccnthruprakhathicaekidkhuninrayann odyetriymklxngdudawaelaxupkrnmaphrxmsrrph eruxngrawkarsarwccnthruprakhaaelakarthwayklxngdudawihsmedcphranaraynmharachidthrngthxdphraentr praktinprawtisastrkhxngthngsxngchati aetmieruxngthithaihkhnankdarasastrkhxngfrngessthiedinthangmatxngaeplkic odymibnthukincdhmayehtukhxng badhlwng kiy tachard sungedinthangmainkhnathutdwywa miphrahmnsungepnohrkhnhnungthiemuxnglaow idphyakrnxuprakhakhrngniiwphidipchwesiywnalikaethannexng aetkkhanwnewlathikhrascbnnphidipxkokh odywakarkhlaynncapraktkhunthiesnkhxbfaphayhlngthixathityxuthyaelw kxnhnanisxngsamwn eraidprachumharuxkbthanohracaryphunixyu aetodythierafngphasasyamimxxk eracunghmdpyyaimsamarththrabidwaekhaichwithiidkhanwnxuprakha hlngcakkhnathutchudaerkedinthangmaephiyngsxngpi inpiphuththskrach 2230 kh s 1687 frngesssngkhnathutmaecriysmphnthimtrikbxyuthyaepnkhrngthisxngodymi okld esebert edx bulel epnrachthutkhnthi hnung aelasimxng edx la luaebr epnrachthutkhnthisxng emuxkhnathutchudnnedinthangklbinpithdip la luaebr idnatarasuriyyatrklbipdwyaelaidmxbtarasuriyyatrihaek cioxwanni odminiok aekhssini nkdarasastrkhxngfrngess edimepnchawxitali ephuxtrwcsxb aekhssiniphunikhuxphukhanwnrayahangrahwangolkaeladwngxathityidxyangaemnyaepnkhnaerk aekhssiniidtrwcsxbtarasuriyyatrthiidip raylaexiydtwelkhintaranntrngkbtarasuriyyatrchbbculskrachtdsrupxpthiichknxyucnthungthukwnnithukprakar aekhssiniidsngektehnkaraekikhtwelkhmthymxathity mthymcnthrintara aelaidsrupiwdngni ephraaehtuchanikhaphecacungidtdsinwa thiexa 40 lipdaxxkesiycakxakarokhcrkhxngdwngcnthr aelaexaxakarokhcrkhxngdwngxathityxxkesiy 3 lipdann epnphlenuxngcakkhwamaetktanglangprakarrahwangesnemriediynthiidprbekhakbhlkeknthehlaniiwaettn kbemriediynxikesnhnungthiidmikartdthxntxphayhlng aelasmmutiwaekhaidthxnprbekhakbesnemriediynkhxngpraethssyamaelwisr hlkeknthxnnikcalngknidkbhlkeknthxnaerk xyangiklekhiyngkbesnemriediynnrsingh Narsinga nnael insmyrtnoksinthr tarasuriyyatraelamant idthuktiphimphepnkhrngaerkinpiphuththskrach 2473 eriyberiyngodyhlwngwisaldrunkr xn sarikbutr odyxyuinchudtaraohrasastrithy elmthi 3 inchuxwa phrasuriyyatraelamant phuekhiynidxthibayiwinkhanakhxnghnngsuxwa taraphrasuriyyatraelamantni epntarathiepnhlksahrbkhanwnthaptithinthiichinthangrachkar aelaptithinohrasastrxyuthukpi khaphecaiderimeriyberiyngihepntaraeriyn tngaet ph s 2466 aelakhangmaepnewlachanan caidchiaecngehtuphliwihthrabdngtxipni aetedimemuxkhaphecaideriynipbangaelw rusukwayngimidrbkhwamekhaicinehtuphlthikhruihthaxyangnnely epnaetskwathaipidtamthikhrusxnih epnkarebuxaelahnkicmak khaphecacungidkhxeriynprawtikhxngohrasastr thiklawdwyehtuphltngeknthkhanwnkhunepnkhrngaerkaelw idmikarepliynaeplngmaxyangircnthungsmypccupbnniaekphraethwolk phraethwolkidchiaecngwa eknthkarkhanwnohrasastrethathielaeriynknxyuinewlani epnaetcaeknthidkthakniptameknth swneruxngrawcamimaaetedimepnxyangirnn ekhaicwacaimidtkekhamainpraethssyam ephraataraohrasastrimidekidkhuninpraethssyamepnedimma aetthaidmixyukkhngcaidsunyesiykhrngkrungekaesiyaekphamaaelw cungimidmiikhrphbehnthiihnely sakdtamtnchbbedim phlkarkhanwndawxathity phaphaesdngkarokhcrkhxngdawxathity khanwnodytarasuriyyatraelamant khlikthirupephuxduphaphekhluxnihw inkarkhanwndawxathitytamtarasuriyyatraelamantnn emuxsrangaebbcalxngdwyphaphwadodyxasyhlkkarwadwngrikhxnghlwngwisaldrunkrhruxthieriykwa wngrihlwngwisal caehnphaphkarokhcrepnrupwngrisungepnhlkkarthithuktxngtamhlkdarasastr aesdngihehnthungkhwamekhaicinsarasakhykhxngwngokhcrdaw sungphusrangtarasuriyyatrkhnphbkxnthiwngkardarasastrtawntkcakhnphb phaphaesdngphlkarkhanwnsmphusdawxathitytamtarasuriyyatraelamant cakkhntxnkarnamthymxathitylbxucnithungidphllphthepnmhasmphuskhxngdawxathity krxbsaymuxaesdngeknthkarkhanwncaktarasuriyyatraelamant krxbklangaesdngphlkarkhanwn aelakrxbkhwamuxaesdngphaphwngokhcrkhxngdawxathitythikhanwnidcaktarasuriyyatraelamant odykarwadrupaebbwngrihlwngwisal inkrxbkhwamuxnn twelkhrxbwngklmckrasinxksud lipda mthym mnthsmphus khuxkhalipdakhxngmthymxathityincudepliynrasi inkarkhanwnsmphusxathitytamtarasuriyyatraelamant phllphthkarkhanwncakhngthi klawkhuxemuxmthymxathitymikhaidkhahnung kcakhanwnphllphthsmphusxathityidkhaethaknthukkhrngesmx dngtwxyangthicudrasi 11 0 hrux min ems twelkh 21469 khuxcanwnlipdakhxngmthymxathitythicaihphllphthepnsmphusxathitythi 0 lipda hruxcuderimtnkhxngrasiemsnnexng twelkhthicuderimtnkhxngrasixunkmikhwamhmayechnediywkn chxngthdmamitwelkhkhxngrasinbcakrasiemsepnrasi 0 cnthungrasiminepnrasi 11 aelawngrihlwngwisalaesdngrupwngokhcrkhxngdawxathity odymitaaehnngsmphusdawxathityepnrupwngklmsungxyurahwangwngklmkhxngckrasiaelarupwngokhcrkhxngdawxathity wnginsudaesdngwngklmmthymxathity odymitaaehnngxathityaesdngxyudwy twelkhsxngcanwninesnwngokhcrkhxngdawxathitynn khuxkhakhxngcanwnlipdainaetlarasi odyerimwdcakcudxucni Aphelion khxngdawxathityepnrasi 0 ipthila 30 xngsa aelakhakhxngcanwnxnotnathithikhanwnmacakkhalipdainaetlarasi twxyanginchxngwngokhcrthimielkh 0 kakb mikhaethakb 1869 aela 124 60 twelkh 1869 nnkhuxcanwnlipdainchxngrasi 0 nn aelakhanwnhaxnotnathicaksdswnthiwa 1 wnmi 1440 nathi mi 21600 lipda id 124 60 nathi inthukchxngrasikhxngesnwngokhcrkhxngdawxathitymikhwamhmayechnni phaphaesdngkarokhcrkhxngdawphvhsbdi khanwnodytarasuriyyatraelamant aesdngihehnthungkarelngmxngdawekhraahcakwngokhcrkhxngolk thaihwngokhcrthimxngehnmikaredinhnaaelathxyhlnghruxhyudid aelaaesdngihehnwawithikarkhanwnkhxngtarasuriyyatraelamantnn epnkarkhanwncakhlkkarokhcrkhxngdawekhraahinrabbsuriyckrwal odymidawxathityepnsunyklang aelamihlkkarthuktxngtamcringsungepnhlkkarediywkbdarasastr khlikthirupephuxduphaphekhluxnihw cakphaphthiwadkhuntamhlkkarwngrihlwngwisal caehnwawngokhcrkhxngdawxathityemuxmxngcakolknnepnrupwngri Ellipse sunghakmxnginthangklbkn nikhuxwngokhcrkhxngolkrxbdwngxathity sungokhcrepnwngriaelamidwngxathityepncudofkscudhnung tamkdaehngwngrikhxng oyhnens ekhpelxr phlkarkhanwndawekhraah phaphaesdngphlkarkhanwnsmphusdawdawphvhsbditamtarasuriyyatraelamant cakkhntxnkarnamthymdawphvhsbdilbxucni cnthungidphllphthepnmhasmphuskhxngdawdawphvhsbdi krxbsaymuxaesdngeknthkarkhanwntamtarasuriyyatraelamant krxbklangaesdngphlkarkhanwn aelakrxbkhwamuxaesdngphaphwngokhcrkhxngdawphvhsbdithikhanwnidcaktarasuriyyatraelamant odykarwadrupaebbwngrihlwngwisal inkrxbkhwamuxdanbnnn epnkarkhanwnmnthsmphusdawphvhsbditamtarasuriyyatraelamant phllphthkarkhanwncakhngthi klawkhuxemuxmthymdawphvhsbdimikhaidkhahnung kcakhanwnphllphthmnthsmphusdawphvhsbdiidkhaethaknthukkhrngesmx echnediywkbkarkhanwndawxathity inkrxbkhwamuxdanlangnn epnkarkhanwnmhasmphusdawphvhsbditamtarasuriyyatraelamant sungechnediywkbmnthsmphusphllphthkarkhanwncakhngthi klawkhuxemuxmthymdawphvhsbdiaelamthymrwimikhaidkhahnung kcakhanwnphllphthmhasmphusdawphvhsbdiidkhaethaknthukkhrngesmx cakphaphthiwadkhuntamhlkkarwngrihlwngwisal caehnwawngokhcrkhxngdawphvhsbdiemuxmxngcakdawxathitynnepnrupwngri Ellipse aelathamxngcakolkaelwcaehnkarokhcrkhxngdawphvhsbdimithngaebb edinhna hyudning edinerw esrid edincha mnth aelathxyhlng phkr aelwaettaaehnngaelakhwamerwkhxngdawthngsxngcasmphnthkn caehnidwa inkarkhanwndawekhraahkhxngrabbsuriyckrwaltamtarasuriyyatraelamant ihphlthuktxngtamhlkdarasastr hakaetwatarasuriyyatraelamantthuksrangkhunmananmakaelwodyimidmikaraekikhprbprung cungsngphlihmikhwamkhladekhluxnkhxngphllphthxyubang aelaehtuthiimidmikaraekikhaelaprbprungely kepndngthiphraethwolkidchiaecngiw nnkhuximmiphuidthrabthunghlkkaraelaeknthelkhthiichinkarkhanwn eknthkhanwnintarasuriyyatraelamant tarangaesdngthimakhxng echth sungepneknthkhanwnintarasuriyyatraelamant khlikthirupephuxdutarangthnghmd tarangaesdngthimakhxng mnthphyasn sungepneknthkhanwnintarasuriyyatraelamant khlikthirupephuxdutarangthnghmd enuxngcakimmiphuidthrabthunghlkkaraelaeknthelkhthiichinkarkhanwn cungekhymiphusnnisthanwa tarasuriyyatraelamantmihlkkarkhanwnwngokhcrkhxngdawekhraahinaebb expiisekhil Epicycle khuxaebbthimikhwamehnwaolkepnsunyklangkhxngrabbsuriyckrwal aeladawtangokhcrrxbolk aetemuxidmikarkhnphbthimakhxngeknthelkhthiichinkarkhanwn thaihsamarthkhnphbhlkinkarkhanwnkhxngtarasuriyyatraelamant aelasamarthsrangaebbcalxngthangerkhakhnitaelaichkrrmwithitrioknmitiphisucnphllphthkhxngkarkhanwnwngokhcrkhxngdawekhraah thngdawekhraahchnin Inferior Planets aela dawekhraahwngnxk Superior Planets thnginaebbmnthsmphus heliocentric system aelaaebbmhasmphus geocentric system ephuxyunynidwa tarasuriyyatraelamantmihlkkarkhanwnwngokhcrkhxngdawekhraahinaebbthimidawxathityepncudsunyklang idthuktxngtamhlkkarthangdarasastr karkhanwnwngokhcrmnthsmphusdawphvhsbdi dwysamwithikarepriybethiybkn 1 khanwntamtarasuriyyatraelamant 2 khanwntamtarasuriyyatraelamantodyichwithitrioknthmiti aela 3 withitrioknthmiti khlikthirupephuxduphaphekhluxnihw karkhanwnwngokhcrmhasmphusdawphvhsbdi dwysamwithikarepriybethiybkn 1 khanwntamtarasuriyyatraelamant 2 khanwntamtarasuriyyatraelamantodyichwithitrioknthmiti aela 3 withitrioknthmiti khlikthirupephuxduphaphekhluxnihw aelacakkarthdsxbodyphlkarkhanwncaktarasuriyyatraelamantepriybethiybkbphlkarkhanwnthangdarasastrphbwa chwngewlathitarasuriyyatraelamantthuxkaenidkhunnn epnchwngewlakxnthiwngkardarasastrtawntkcakhnphbhlkkarokhcrkhxngdawekhraahinrabbsuriyackrwalthithuktxng aelacakprawtikhxngwngkarohrasastrithythirabuwamitarasuriyyatraelamantichknmanbtngaetsmysuokhthyepnrachthani ksxdkhlxngkbkhxethccringthiwawngkardarasastrtawntkkhnphbhlkkarokhcraelawithikarkhanwntaaehnngkhxngdawekhraahinrabbsuriyckrwal hlngcakkarthuxkaenidkhxngtarasuriyyatraelamantxangxingtamrxysuriyyatr txnthi 1 hna 28 ody shphrhm thrrmtht nitysarohraewsm2000 chbbthi 150 eduxnmithunayn ph s 2555 sankphimpheksmbrrnkic ISSN 0125 2119 http www horawej com index php lay show amp ac article amp Id 539236447 amp Ntype 8 tamrxysuriyyatr txnthi 3 hna 26 28 ody shphrhm thrrmtht nitysarohraewsm2000 chbbthi 152 eduxnsinghakhm ph s 2555 sankphimpheksmbrrnkic ISSN 0125 2119 http www horawej com index php lay show amp ac article amp Id 539236947 amp Ntype 8 cdhmayehtu karedinthangsupraethssyam khxng bathhlwngtachard hna 91 aeplody snt th okmlbutr phimphkhrngthiecd 10 000 elm ph s 2541 krmsilpakr hck brrnkicethrdding ISBN 974 221 228 7 cdhmayehtu la luaebr rachxanackrsyam aeplody snt th okmlbutr phimphkhrngthisxng hna 571 sankphimphsripyya ph s 2548 ISBN 974 93533 2 3 taraohrasastrelm 3 phakhthi 1 phrasuriyyatraelamant hlwngwisaldrunkr xn sarikbutr phimphkhrngaerk phuththskrach 2473 canwn 1000 chbb orngphimphsrihngs hlngornghnngnakhrekhsm tamrxysuriyyatr txnthi 5 hna 25 ody shphrhm thrrmtht nitysarohraewsm2000 chbbthi 154 eduxntulakhm ph s 2555 sankphimpheksmbrrnkic ISSN 0125 2119 http www horawej com index php lay show amp ac article amp Id 539237644 amp Ntype 8 Deferent and epicycle https en wikipedia org wiki Deferent and epicycle tamrxysuriyyatr txnthi 1 thungtxnthi 17 ody shphrhm thrrmtht nitysarohraewsm2000 chbbthi 150 thung 166 sankphimpheksmbrrnkic ISSN 0125 2119 tamrxysuriyyatr txnthi 4 hna 23 26 ody shphrhm thrrmtht nitysarohraewsm2000 chbbthi 153 eduxnknyayn ph s 2555 sankphimpheksmbrrnkic ISSN 0125 2119 http www horawej com index php lay show amp ac article amp Id 539237359 amp Ntype 8