ในทางเคมี ปฏิกิริยาสะเทิน (อังกฤษ: neutralization หรือ neutralisation) หรือ ปฏิกิริยาการสะเทิน หรือ ปฏิกิริยาลบล้างฤทธิ์ ก็เรียก เป็นปฏิกิริยาเคมี ซึ่งกรดและเบสทำปฏิกิริยากันเกิดเป็นเกลือ บ่อยครั้งที่เกิดน้ำเป็นผลิตภัณฑ์ด้วย แต่ไม่จำเป็นเสมอไป ปฏิกิริยาสะเทินระหว่างกรดและเบสอาร์เรเนียส จะให้น้ำด้วยเสมอ ดังสมการ
- YOH + HX → XY + H2O
เมื่อ Y และ X เป็นไอออนบวกและไอออนลบที่มีค่าประจุเป็น +1 และ -1 ตามลำดับ XY จะเป็นเกลือที่เกิดขึ้น ตัวอย่างปฏิกิริยารูปนี้ เช่น ปฏิกิริยาระหว่างโซเดียมไฮดรอกไซด์กับกรดไฮโดรคลอริก โดยมีโซเดียมเป็น Y และคลอรีนเป็น X
- HCl + NaOH → NaCl + H2O
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปฏิกิริยาข้างต้น คือ น้ำและเกลือแกงสามัญ
ปฏิกิริยาสะเทินสามารถพิจารณาได้เป็นสมการไอออนสุทธิ เช่น
- H+ + OH- → H2O
การแสดงนี้คลาดเคลื่อน อย่างไรก็ดี เพราะไฮโดรเจนไอออน (H+) แท้จริงแล้วมิได้เกิดขึ้นในสารละลายระหว่างปฏิกิริยาสะเทิน ที่จริงแล้ว ไฮโดรเนียมไออน (H3O+) ต่างหากที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลตามสมการด้านล่าง
- H+ + H2O → H3O+
เมื่อพิจารณาไฮโดรเนียมไออน สมการไอออนสุทธิแท้จริงจะเป็น
- H3O,+ + OH- → 2H2O
ในปฏิกิริยาไม่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย (non-aqueous) มีความเป็นไปได้น้อยว่าจะเกิดน้ำขึ้น อย่างไรก็ดี กรดกับเบสจะมีการให้โปรตอนเสมอ (ตามทฤษฎีกรด-เบสเบรินสเตด-บาวรี) เนื่องจากมีนิยามกรดและเบสหลายอย่าง ปฏิกิริยาทั้งหลายจึงอาจถูกพิจารณาว่าเป็นปฏิกิริยาการสะเทินได้ ซึ่งทั้งหมดด้านล่างนี้อาจถูกพิจารณาว่าเป็นปฏิกิริยาสะเทินได้ตามนิยามแตกต่างกัน
- HCl + NaOH → NaCl + H2O
- 2HCl + Mg → MgCl2 + H2
- 2HCO2H + MgO → Mg(HCO2)2 + H2O
- HF + NH3 → NH4F
บ่อยครั้ง ปฏิกิริยาสะเทินเป็นปฏิกิริยาคายความร้อน ตัวอย่างเช่น ปฏิกิริยาระหว่างโซเดียมไฮดรอกไซด์กับกรดไฮโดรคลอริก ตัวอย่างของการสะเทินแบบดูดความร้อน เช่น ปฏิกิริยาระหว่างโซเดียมไบคาร์บอเนต (โซดาทำขนม) กับกรดน้ำส้ม (น้ำส้มสายชู)
การสะเทินหมายถึงการทำให้เป็นกลาง ในทางเคมี "เป็นกลาง" หมายถึง pH เท่ากับ 7
การนำไปใช้
- วิธีการไทเทรตทางเคมีใช้สำหรับวิเคราะห์กรดหรือเบสเพื่อหาความเข้มข้นที่ไม่ทราบค่า สามารถใช้พีเอชมิเตอร์หรือพีเอชอินดิเคเตอร์ซึ่งแสดงจุดสะเทินโดยเปลี่ยนสีอย่างชัดเจน การคำนวณปริมาณสัมพันธ์อย่างง่ายโดยทราบปริมาตรของสารที่ต้องการทราบโมลาริตี และที่ทราบปริมาตรและโมลาริตีของสารที่เติมไป จะให้ค่าเป็นโมลาริตีของสารที่ต้องการทราบนั้น
- กรดกระเพาะเกินในกระเพาะอาหาร (การย่อยกรด) สะเทินโดยการย่อยโซเดียมไบคาร์บอเนตหรือตัวสะเทินอื่น เช่น แอนตาซิด
- การสะเทินนั้นยังสามารถใช้เพื่อลดความเจ็บปวดของหนามพิษจากแมลงและพืชได้ เหล็กไนผึ้งสามารถสะเทินได้ด้วยและเหล็กไนต่อสะเทินได้ด้วยกรด (ซึ่งแท้จริงแล้วการสะเทินมิได้ลดความเจ็บปวด ความเป็นกรดในเหล็กไนมิใช่สาเหตุของการคัน แต่เป็นสารเคมีอื่นในพิษ สาเหตุที่ความเจ็บปวดลดลงนั้นเป็นผลทางจิตวิทยามากกว่า)
การคำนวณ
ในปฏิกิริยาการสะเทิน จำนวนโมลของกรดกับเบสที่ใช้นั้นต้องเท่ากัน ดังนั้น สูตรจึงเป็นดังนี้
- a × [A] × Va = b × [B] × Vb
เมื่อ a เป็นจำนวนของไฮโดรเจนกรด และ b เป็นค่าคงที่ซึ่งบอกว่าเบสสามารถรับไออน H3O+ ได้มากเท่าใด [A] แทนความเข้มข้นของกรด และ [B] แทนความเข้มข้นของเบส Va คือปริมาตรของกรด และ Vb คือปริมาตรของเบส
อ้างอิง
- Metcalf & Eddy. Wastewater Engineering, Treatment and Reuse. 4th ed. New York: McGraw-Hill, 2003. 526-532.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
inthangekhmi ptikiriyasaethin xngkvs neutralization hrux neutralisation hrux ptikiriyakarsaethin hrux ptikiriyalblangvththi keriyk epnptikiriyaekhmi sungkrdaelaebsthaptikiriyaknekidepneklux bxykhrngthiekidnaepnphlitphnthdwy aetimcaepnesmxip ptikiriyasaethinrahwangkrdaelaebsxarereniys caihnadwyesmx dngsmkarptikiriyakarsaethinrahwangosediymihdrxkisdkbkrdihodrkhlxrik xindiekhetxrkhux obromithmxlbluYOH HX XY H2O emux Y aela X epnixxxnbwkaelaixxxnlbthimikhapracuepn 1 aela 1 tamladb XY caepnekluxthiekidkhun twxyangptikiriyarupni echn ptikiriyarahwangosediymihdrxkisdkbkrdihodrkhlxrik odymiosediymepn Y aelakhlxrinepn X HCl NaOH NaCl H2O phlitphnththiidcakptikiriyakhangtn khux naaelaekluxaekngsamy ptikiriyasaethinsamarthphicarnaidepnsmkarixxxnsuththi echn H OH H2O karaesdngnikhladekhluxn xyangirkdi ephraaihodrecnixxxn H aethcringaelwmiidekidkhuninsarlalayrahwangptikiriyasaethin thicringaelw ihodreniymixxn H3O tanghakthiekidkhun sungepnphltamsmkardanlang H H2O H3O emuxphicarnaihodreniymixxn smkarixxxnsuththiaethcringcaepn H3O OH 2H2O inptikiriyaimichnaepntwthalalay non aqueous mikhwamepnipidnxywacaekidnakhun xyangirkdi krdkbebscamikarihoprtxnesmx tamthvsdikrd ebsebrinsetd bawri enuxngcakminiyamkrdaelaebshlayxyang ptikiriyathnghlaycungxacthukphicarnawaepnptikiriyakarsaethinid sungthnghmddanlangnixacthukphicarnawaepnptikiriyasaethinidtamniyamaetktangkn HCl NaOH NaCl H2O 2HCl Mg MgCl2 H22HCO2H MgO Mg HCO2 2 H2OHF NH3 NH4F bxykhrng ptikiriyasaethinepnptikiriyakhaykhwamrxn twxyangechn ptikiriyarahwangosediymihdrxkisdkbkrdihodrkhlxrik twxyangkhxngkarsaethinaebbdudkhwamrxn echn ptikiriyarahwangosediymibkharbxent osdathakhnm kbkrdnasm nasmsaychu karsaethinhmaythungkarthaihepnklang inthangekhmi epnklang hmaythung pH ethakb 7karnaipichwithikarithethrtthangekhmiichsahrbwiekhraahkrdhruxebsephuxhakhwamekhmkhnthiimthrabkha samarthichphiexchmietxrhruxphiexchxindiekhetxrsungaesdngcudsaethinodyepliynsixyangchdecn karkhanwnprimansmphnthxyangngayodythrabprimatrkhxngsarthitxngkarthrabomlariti aelathithrabprimatraelaomlaritikhxngsarthietimip caihkhaepnomlaritikhxngsarthitxngkarthrabnn krdkraephaaekininkraephaaxahar karyxykrd saethinodykaryxyosediymibkharbxenthruxtwsaethinxun echn aexntasid karsaethinnnyngsamarthichephuxldkhwamecbpwdkhxnghnamphiscakaemlngaelaphuchid ehlkinphungsamarthsaethiniddwyaelaehlkintxsaethiniddwykrd sungaethcringaelwkarsaethinmiidldkhwamecbpwd khwamepnkrdinehlkinmiichsaehtukhxngkarkhn aetepnsarekhmixuninphis saehtuthikhwamecbpwdldlngnnepnphlthangcitwithyamakkwa karkhanwninptikiriyakarsaethin canwnomlkhxngkrdkbebsthiichnntxngethakn dngnn sutrcungepndngni a A Va b B Vb emux a epncanwnkhxngihodrecnkrd aela b epnkhakhngthisungbxkwaebssamarthrbixxn H3O idmakethaid A aethnkhwamekhmkhnkhxngkrd aela B aethnkhwamekhmkhnkhxngebs Va khuxprimatrkhxngkrd aela Vb khuxprimatrkhxngebsxangxingMetcalf amp Eddy Wastewater Engineering Treatment and Reuse 4th ed New York McGraw Hill 2003 526 532