บทความน อ างอ งคร สต ศ กราช คร สต ทศวรรษ คร สต ศตวรรษ ซ งเป นสาระสำค ญของเน อหา โบสถ เจซ อ ตาล Chiesa del Gesù เป นของคณ

บทความนี้อ้างอิง ซึ่งเป็นสาระสำคัญของเนื้อหา

โบสถ์เจซู (อิตาลี: Chiesa del Gesù) เป็นของคณะเยสุอิตในนิกายโรมันคาทอลิก มีชื่อเป็นทางการว่าโบสถ์พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู (Chiesa del Santissimo Nome di Gesù all'Argentina) หรือภาษาอังกฤษว่า “Church of the Most Holy Name of Jesus” ด้านหน้าของโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรกที่แท้จริงเป็นแห่งแรก โบสถ์ใช้เป็นตัวอย่างในการก่อสร้างโบสถ์เยสุอิตต่อมาอีกมากมายทั่วโลกโดยเฉพาะในทวีปอเมริกา โบสถ์เจซูตั้งอยู่ที่จตุรัสเจซูในกรุงโรม

โบสถ์เจซู Church of the Gesu
ด้านหน้าโบสถ์เจซูสมัยบาโรก

41°53′45″N 12°28′47″E / 41.89583°N 12.47972°E / 41.89583; 12.47972
ที่ตั้ง	โรม, อิตาลี
ประเทศ	อิตาลี
นิกาย	โรมันคาทอลิก
เว็บไซต์	โบสถ์เจซู
สถานะ	โบสถ์
เหตุการณ์	การตกแต่งภายใน, จิตรกรรมฝาผนังบนเพดานโดย
สถาปนิก	อิกเนเชียสแห่งโลโยลา
ประเภทสถาปัตย์	กางเขน
รูปแบบสถาปัตย์	บาโรก
ปีสร้าง	ค.ศ. 1568 - ค.ศ. 1580
ขนาดอื่น ๆ	ยาว 75 เมตร

นักบุญอิกเนเชียสแห่งโลโยลาผู้ก่อตั้งคณะเยสุอิตเป็นผู้ริเริ่มความคิดในการก่อสร้างในปี ค.ศ. 1551 และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการการปฏิรูปคาทอลิก โบสถ์เจซูเป็นสำนักงานกลางของมหาธิการคณะเยสุอิตจนกระทั่งถูกยุบในปี ค.ศ. 1773

อ้างอิง

Society of Jesus. "Official Website". สืบค้นเมื่อ 2009-01-23.
The name of Chiesa del Sacro Nome di Gesù is also used.
Nathan T. Whitman, "Roman Tradition and the Aedicular Façade" The Journal of the Society of Architectural Historians '29'.2 (May 1970), (pp. 108-123) p 108.
The church having been subsequently regained by the Jesuits, the adjacent palazzo is now a residence for Jesuit scholars from around the world studying at the Gregorian University in preparation for ordination to the priesthood.

ดูเพิ่ม

บทความมหาวิหาร วิหาร โบสถ์ หรือสถานที่สำคัญทางคริสต์ศาสนานี้ยังเป็น คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล

[1] Society of Jesus. "Official Website". สืบค้นเมื่อ 2009-01-23.

[2] The name of Chiesa del Sacro Nome di Gesù is also used.

[3] Nathan T. Whitman, "Roman Tradition and the Aedicular Façade" The Journal of the Society of Architectural Historians '29'.2 (May 1970), (pp. 108-123) p 108.

[4] The church having been subsequently regained by the Jesuits, the adjacent palazzo is now a residence for Jesuit scholars from around the world studying at the Gregorian University in preparation for ordination to the priesthood.