รอยริ้วคลื่น (อังกฤษ: ripple mark) เป็นสิ่งที่เกิดเนื่องจากการกระทำของคลื่นลมหรือกระแสน้ำ พบได้ทั้งบนบกและที่พื้นท้องน้ำ รอยริ้วคลื่นนี้อาจพบได้ในหินชั้น เช่น ในหินทราย ฯลฯ เกิดเนื่องจากริ้วคลื่นได้ถูกตะกอนชนิดอื่นตกจมทับถมปิดไว้ เมื่อตะกอนทั้งหมดแข็งตัวกลายเป็นหิน ริ้วคลื่นก็ยังคงรูปเดิมปรากฏในหินนั้น เมื่อหินปิดทับแตกหลุดออกไปก็จะเห็นรอยริ้วคลื่นนั้นได้ ริ้วคลื่นอาจก่อตัวมีขนาดโตขึ้นเป็นคลื่นทราย สันทราย เนินทราย และดอนทรายใต้น้ำหรือโขดใต้น้ำเปลี่ยนที่ได้
ประเภทของรอยริ้วคลื่น
รอยริ้วคลื่นลมและรอยริ้วคลื่นน้ำ (wind ripple mark or wave ripple mark) อาจมีลักษณะที่แสดงการเปลี่ยนทิศทางลมหรือคลื่นน้ำ ทำให้รอยริ้วมีรูปแบบไม่สมมาตร การแยกระหว่างรอยริ้วที่เกิดจากคลื่นลม คลื่นน้ำ และกระแส ในกรณีรอยริ้วไม่สมมาตรจะใช้การวัดค่าของแอมพลิจูด (amplitude,A) และความยาวคลื่น (wave length,L) เพื่อหาค่าอัตราส่วนระหว่าง L/A ถ้าค่าของ L/A อยู่ระหว่าง 10-70 จะเป็นรอยริ้วคลื่นลม ถ้าค่าอยู่ระหว่าง 4-13 (ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 6-7) จะเป็นรอยริ้วคลื่นน้ำ และถ้าค่าของ L/A มากกว่า 5 ส่วนใหญ่ประมาณ 8-15 จะเป็นรอยริ้วกระแส ค่าของ L/A ค่อนข้างคาบเกี่ยวกันมาก โดยเฉพาะระหว่างรอยริ้วคลื่นน้ำและรอยริ้วกระแส ดังนั้นจะต้องหาหลักฐานอื่นๆประกอบในการที่จะแยกตัวที่ทำให้เกิดรอยริ้ว
รอยริ้วคลื่นลมและรอยริ้วคลื่นน้ำต่างจากรอยริ้วกระแส (current ripple mark) โดยที่รอยริ้วกระแสจะแสดงทิศทางของกระแสทิศทางเดียว พบมีด้านหนึ่งมีความชันสูง (steep lee side or downstream) และอีกด้านลาดชันเล็กน้อย (gentle stoss side or up-stream) รอยริ้วกระแสที่พบทั่วไปมีอยู่ 3 ลักษณะ ได้แก่ รอยริ้วสันตรง (straight crested ripple mark) รอยริ้วรูปตัวเอส (sinuous or undulatory ripple mark) และรอยริ้วรูปลิ้น (linguoid ripple mark)
รอยริ้วสันตรงเกิดเมื่อกระแสมีความเร็วต่ำ เมื่อกระแสมีความเร็วเพิ่มขึ้น รอยริ้วจะเปลี่ยนเป็นรอยริ้วรูปตัวเอส และรอยริ้วรูปลิ้นตามลำดับ รอยริ้วกระแสจะไม่เกิดในตะกอนที่มีขนาดมากกว่า 0.6 มิลลิเมตร และรอยริ้วกระแสเกิดได้ในสภาพการตกตะกอนของระบบทางน้ำ สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ (delta) ชายฝั่ง (shoreline) ไหล่ทวีป (offshore shelf) และทะเลน้ำลึก (deep sea)
เนินทรายที่เกิดกระแสน้ำ (current dune) พบเป็นรอยริ้วขนาดใหญ่ ดังนั้นบางทีเรียกว่า “รอยริ้วขนาดใหญ่ (megaripple mark)” เนินทรายที่เกิดกระแสน้ำ และสันทราย (sand wave or sand bar) จัดเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะคล้ายกับรอยริ้วไม่พบในหินแข็ง พบเฉพาะตะกอนปัจจุบันและพบลักษณะการวางชั้นเฉียงระดับ (cross bedding) ที่แสดงลักษณะการเคลื่อนที่ของเนินทรายหรือสันทราย ส่วนใหญ่เนินทรายจะมีขนาดความยาวตั้งแต่เมตรถึงหลายสิบเมตร รูปร่างของเนินทรายจะเป็นแบบรอยริ้วสันตรง รอยริ้วรูปตัวเอส หรือรอยริ้ววงพระจันทร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วลม หากความเร็วน้อยจะได้แบบรอยริ้วสันตรง ส่วนสันทรายมีขนาดใหญ่กว่าเนินทราย อาจจะมีขนาดความยาวและความกว้างหลายร้อยเมตร รูปร่างส่วนใหญ่พบแบบรอยริ้วรูปลิ้น โครงสร้างสันทรายพบในระบบการตกสะสมของทางน้ำและไหล่ทะเลน้ำตื้น
รอยริ้วที่เกิดจากลม และเนินทรายที่เกิดจากลม(wind ripple mark and dune) จะเหมือนกับรอยริ้วที่เกิดจากน้ำ คือมีลักษณะไม่สมมาตร วางตัวเป็นแนวยาว แนวของสันคลื่นจะขนานกัน ค่าอัตราส่วนของความยาวคลื่นต่อค่าแอมพลิจูดมีค่าสูง อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่โครงสร้างรอยริ้วและเนินทรายที่เกิดจากลมจะไม่คงสภาพเหลือให้เห็นเมื่อเม็ดตะกอนกลายเป็นหินไปแล้ว จะเห็นได้เฉพาะจากตะกอนปัจจุบัน
อ้างอิง
- http://www.patchra.net/minerals/MinDesc/sediment13.php 2009-02-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมศัพท์ธรณีวิทยา ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน. 2544. 384 หน้า.
- ฐิติมา เจริญฐิติรัตน์. เอกสารการสอนวิชาหินตะกอน. ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 65 หน้า.
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
rxyriwkhlun xngkvs ripple mark epnsingthiekidenuxngcakkarkrathakhxngkhlunlmhruxkraaesna phbidthngbnbkaelathiphunthxngna rxyriwkhlunnixacphbidinhinchn echn inhinthray l ekidenuxngcakriwkhlunidthuktakxnchnidxuntkcmthbthmpidiw emuxtakxnthnghmdaekhngtwklayepnhin riwkhlunkyngkhngrupedimpraktinhinnn emuxhinpidthbaetkhludxxkipkcaehnrxyriwkhlunnnid riwkhlunxackxtwmikhnadotkhunepnkhlunthray snthray eninthray aeladxnthrayitnahruxokhditnaepliynthiidrxyriwkhlunpraephthkhxngrxyriwkhlunrxyriwkhlunlmaelarxyriwkhlunna wind ripple mark or wave ripple mark xacmilksnathiaesdngkarepliynthisthanglmhruxkhlunna thaihrxyriwmirupaebbimsmmatr karaeykrahwangrxyriwthiekidcakkhlunlm khlunna aelakraaes inkrnirxyriwimsmmatrcaichkarwdkhakhxngaexmphlicud amplitude A aelakhwamyawkhlun wave length L ephuxhakhaxtraswnrahwang L A thakhakhxng L A xyurahwang 10 70 caepnrxyriwkhlunlm thakhaxyurahwang 4 13 swnihycaxyurahwang 6 7 caepnrxyriwkhlunna aelathakhakhxng L A makkwa 5 swnihypraman 8 15 caepnrxyriwkraaes khakhxng L A khxnkhangkhabekiywknmak odyechphaarahwangrxyriwkhlunnaaelarxyriwkraaes dngnncatxnghahlkthanxunprakxbinkarthicaaeyktwthithaihekidrxyriw dchnirxyriw rxyriwkhlunlmaelarxyriwkhlunnatangcakrxyriwkraaes current ripple mark odythirxyriwkraaescaaesdngthisthangkhxngkraaesthisthangediyw phbmidanhnungmikhwamchnsung steep lee side or downstream aelaxikdanladchnelknxy gentle stoss side or up stream rxyriwkraaesthiphbthwipmixyu 3 lksna idaek rxyriwsntrng straight crested ripple mark rxyriwruptwexs sinuous or undulatory ripple mark aelarxyriwruplin linguoid ripple mark rxyriwkraaes rxyriwsntrngekidemuxkraaesmikhwamerwta emuxkraaesmikhwamerwephimkhun rxyriwcaepliynepnrxyriwruptwexs aelarxyriwruplintamladb rxyriwkraaescaimekidintakxnthimikhnadmakkwa 0 6 milliemtr aelarxyriwkraaesekididinsphaphkartktakxnkhxngrabbthangna samehliympakaemna delta chayfng shoreline ihlthwip offshore shelf aelathaelnaluk deep sea eninthraythiekidkraaesna current dune phbepnrxyriwkhnadihy dngnnbangthieriykwa rxyriwkhnadihy megaripple mark eninthraythiekidkraaesna aelasnthray sand wave or sand bar cdepnokhrngsrangkhnadihy thimilksnakhlaykbrxyriwimphbinhinaekhng phbechphaatakxnpccubnaelaphblksnakarwangchnechiyngradb cross bedding thiaesdnglksnakarekhluxnthikhxngeninthrayhruxsnthray swnihyeninthraycamikhnadkhwamyawtngaetemtrthunghlaysibemtr ruprangkhxngeninthraycaepnaebbrxyriwsntrng rxyriwruptwexs hruxrxyriwwngphracnthr thngnikhunxyukbkhwamerwlm hakkhwamerwnxycaidaebbrxyriwsntrng swnsnthraymikhnadihykwaeninthray xaccamikhnadkhwamyawaelakhwamkwanghlayrxyemtr ruprangswnihyphbaebbrxyriwruplin okhrngsrangsnthrayphbinrabbkartksasmkhxngthangnaaelaihlthaelnatun lksnarxyriw rxyriwthiekidcaklm aelaeninthraythiekidcaklm wind ripple mark and dune caehmuxnkbrxyriwthiekidcakna khuxmilksnaimsmmatr wangtwepnaenwyaw aenwkhxngsnkhluncakhnankn khaxtraswnkhxngkhwamyawkhluntxkhaaexmphlicudmikhasung xyangirktamswnihyokhrngsrangrxyriwaelaeninthraythiekidcaklmcaimkhngsphaphehluxihehnemuxemdtakxnklayepnhinipaelw caehnidechphaacaktakxnpccubnxangxinghttp www patchra net minerals MinDesc sediment13 php 2009 02 18 thi ewyaebkaemchchin rachbnthitysthan phcnanukrmsphththrniwithya chbbrachbnthitysthan krungethph rachbnthitysthan 2544 384 hna thitima ecriythitirtn exksarkarsxnwichahintakxn phakhwichathrniwithya khnawithyasastr culalngkrnmhawithyaly 65 hna aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb rxyriwkhlun