พญาผากองหรือพระยาผากองเป็นกษัตริย์ที่เคยปกครองเมืองน่าน เมืองในสมัยสุโขทัย มี 2 องค์คือ พญาผากอง (ผู้ปู่) ครองราชย์ พ.ศ. 1863 - 1892 และพญาผากอง (ผู้หลาน) ครองราชย์ พ.ศ. 1904 - 1929 แต่ในเอกสารบางฉบับเปลี่ยนชื่อพญาผากอง (ผู้ปู่) เป็นพญาผานอง
พญาผากอง (ผู้ปู่) หรือพญาผานอง | |
---|---|
กษัตริย์ราชวงศ์ภูคา องค์ที่ 4 แห่งอาณาจักรน่าน | |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ภูคา |
ครองราชย์ | พ.ศ. 1866 - พ.ศ. 1892 |
งานสำคัญ | กู้อิสรภาพให้แก่เมืองวรนคร (ปัว) จากแคว้นพะเยา เมื่อปี พ.ศ. 1866 |
พญาผากอง (ผู้หลาน) หรือท้าวผาคอง | |
---|---|
กษัตริย์ราชวงศ์ภูคา องค์ที่ 7 แห่งอาณาจักรน่าน | |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ภูคา |
ครองราชย์ | พ.ศ. 1904 - พ.ศ. 1929 |
งานสำคัญ | สร้างเมืองน่าน เมื่อปี พ.ศ. 1911 |
พญาผากอง (ผู้ปู่) หรือพญาผานอง เป็นโอรสของเจ้าเก้าเกื่อนหรือปู่ฟ้าฟื้น เดิมชื่อขุนใสหรือขุนใส่ยศ สืบเชื้อสายมาจากพญาภูคา เจ้าเมืองภูคา ขุนฟอง ปู่ของพญาผานองแยกมาตั้งเมืองพลัวหรือเมืองปัว ครองราชย์ พ.ศ. 1863 - 1892 เมื่อสวรรคตแล้ว โอรสสององค์คือเจ้าไสและเจ้ากานเมืองได้ครองราชย์ต่อมา มีโอรสชื่อพญาผากอง ครองราชย์ พ.ศ. 1904 - 1929 พญาผากองนี้เป็นผู้สร้างเมืองน่านที่เวียงกุม บ้านห้วยไคร้ เมื่อ พ.ศ. 1909 เชื้อสายของพญาผากองได้ครองเมืองน่านจนถึงเจ้าผาแสงเป็นองค์สุดท้าย ก่อนที่ทางเชียงใหม่จะส่งคนมาปกครองเมืองน่านโดยตรง
พญาผากอง (ผู้หลาน) นี้น่าจะเป็นองค์เดียวกับท้าวผาคองในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯที่ยกทัพมาช่วยสุโขทัยรบกับสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 1919 ซึ่งทัพท้าวผาคองแตก ถูกฝ่ายอยุธยาจับเป็นเชลยได้มาก
อ้างอิง
- ประเสริฐ ณ นคร. ผากอง, พระยา ใน ประวัติศาสตร์เบ็ดเตล็ด. กทม. มติชน. 2549. หน้า 254 - 255
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phyaphakxnghruxphrayaphakxngepnkstriythiekhypkkhrxngemuxngnan emuxnginsmysuokhthy mi 2 xngkhkhux phyaphakxng phupu khrxngrachy ph s 1863 1892 aelaphyaphakxng phuhlan khrxngrachy ph s 1904 1929 aetinexksarbangchbbepliynchuxphyaphakxng phupu epnphyaphanxngphyaphakxng phupu hruxphyaphanxngkstriyrachwngsphukha xngkhthi 4 aehngxanackrnanrachwngs rachwngsphukhakhrxngrachy ph s 1866 ph s 1892ngansakhy kuxisrphaphihaekemuxngwrnkhr pw cakaekhwnphaeya emuxpi ph s 1866phyaphakxng phuhlan hruxthawphakhxngkstriyrachwngsphukha xngkhthi 7 aehngxanackrnanrachwngs rachwngsphukhakhrxngrachy ph s 1904 ph s 1929ngansakhy srangemuxngnan emuxpi ph s 1911 phyaphakxng phupu hruxphyaphanxng epnoxrskhxngecaekaekuxnhruxpufafun edimchuxkhunishruxkhunisys subechuxsaymacakphyaphukha ecaemuxngphukha khunfxng pukhxngphyaphanxngaeykmatngemuxngphlwhruxemuxngpw khrxngrachy ph s 1863 1892 emuxswrrkhtaelw oxrssxngxngkhkhuxecaisaelaecakanemuxngidkhrxngrachytxma mioxrschuxphyaphakxng khrxngrachy ph s 1904 1929 phyaphakxngniepnphusrangemuxngnanthiewiyngkum banhwyikhr emux ph s 1909 echuxsaykhxngphyaphakxngidkhrxngemuxngnancnthungecaphaaesngepnxngkhsudthay kxnthithangechiyngihmcasngkhnmapkkhrxngemuxngnanodytrng phyaphakxng phuhlan ninacaepnxngkhediywkbthawphakhxnginphngsawdarchbbhlwngpraesriththiykthphmachwysuokhthyrbkbsmedcphrabrmrachathirachthi 1 emux ph s 1919 sungthphthawphakhxngaetk thukfayxyuthyacbepnechlyidmakxangxingpraesrith n nkhr phakxng phraya in prawtisastrebdetld kthm mtichn 2549 hna 254 255