ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
มุมมองและกรณีตัวอย่างในบทความนี้อาจไม่ได้แสดงถึงของเรื่อง |
การทำลายป่า คือ สภาวะของป่าตามธรรมชาติที่ถูกทำลายโดยการตัดไม้และการเผาป่า เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การนำต้นไม้และถ่านไม้มาใช้หรือจำหน่ายเป็นโภคภัณฑ์ ในระหว่างที่ทำการเลี้ยงสัตว์ เพาะปลูก และตั้งถิ่นฐาน บนพื้นที่ว่าง การตัดไม้โดยไม่ปลูกทดแทนด้วยจำนวนที่เพียงพอ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย ต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และปัญหา ซึ่งส่งผลเสียต่อการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศโดยพืช พื้นที่ป่าที่ถูกทำลายโดยมากจะเกิดความเสียหายจากการพังทลายของหน้าดิน และพื้นที่มักด้อยคุณภาพลงจนกลายเป็นที่ดินที่ทำประโยชน์มิได้ และ ไม่มีรากไม้ที่ใช้ยึดกับพื้นดินทำให้หน้าดินถูกน้ำเซาะหายทำให้ดินเสื่อมคุณภาพเนื่องจากหน้าดินมีสารอาหารสำหรับพืชมาก
สาเหตุ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รูปแบบการทำลายป่าที่สำคัญ
- การทำไร่เลื่อนลอย - ชาวเขาแผ้วถางป่าเพื่อปลูกพืชไร่อยู่ตามภูเขาสูง โดยเฉพาะป่าดงดิบเขาบริเวณต้นน้ำลำธาร
- การบุกรุกป่าเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ –พบได้ทั่วไปในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีการเปลี่ยนพื้นที่ป่าไม้อันอุดมมาเป็นไร่ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรือปอ เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่รุนแรงและมีอยู่กว้างขวางมากทั้งในสามภาคของประเทศไทย
- การบุกรุกป่าเพื่อเข้าไปตั้งถิ่นฐานใหม่ – การทำลายป่าในรูปลักษณะนี้มองได้ชัดเจนจากการจัดที่ดินทำกินของนิคมต่างๆ เช่นนิคมสหกรณ์ที่ดิน นิคมชาวเขา ฯลฯ นอกจากนี้ ในภาคเหนือ มีพื้นที่ราบค่อนข้างจำกัด เมื่อประชากรเพิ่มขึ้น จึงมีการขยายพื้นที่ทำมาหากินจากที่ราบขึ้นไปบนเขา
- ไฟป่า – มีผลทำลายเศษไม้ ใบไม้ ลูกไม้ เมล็ดไม้ สัตว์และแมลง กระทั่งต้นไม้ในป่าไปพร้อมกัน ทำให้ผิวดินในป่าที่ถูกไฟไหม้แข็ง ขาดคุณภาพในการดูดซึมและซับน้ำ จึงทำให้เกิดน้ำไหลบ่าหน้าดิน (surface runoff) มากเมื่อฝนตก เมื่อน้ำไหลบ่าหน้าดินมาก น้ำฝนที่ตกลงมาจะท่วมท้นฝั่งลำห้วย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการกัดเซาะตามลำน้ำ ทำให้น้ำขุ่น ผิวหน้าดินบริเวณเดิมก็จะขาดความโอชะไป น้ำพัดพาเอาตะกอนไปท่วมไร่นา พืชผลเสียหาย ป็นการเพิ่มความเสียหายแก่ทรัพย์สินและพืชผลเป็นทวีคูณ
- การทำไม้ออกเกินกำลังของป่า
- การทำเหมืองเปิด (Strip Mining) – การทำลายป่ารูปแบบนี้นับว่าร้ายแรงมาก มีการเปิดหน้าดินออกเพื่อขุดหาแร่ เมื่อพื้นดินปราศจากสิ่งปกคลุม ฝนตกลงมากระทบกับพื้นดินโดยตรง ไม่มีต้นไม้ที่จะสกัดหรือสิ่งปกคลุมดินที่จะซับหรือดูดซึมน้ำเอาไว้ ทำให้เกิดน้ำไหลบ่าหน้าดินมาก และมีการกัดเซาะที่รุนแรงตามลำห้วย ลำธาร หรือบริเวณใกล้เคียงที่ท่วมท้นถึง มีความขุ่นทำความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ไร่นา และนำความเดือดร้อนมาสู่ผู้บริโภคอย่างเห็นได้ชัด
สถานการณ์ทรัพยากรป่าไม้
การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่องในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมาทำให้ประเทศไทยสูญเสีย พื้นที่ป่าไปแล้วประมาณ 67 ล้านไร่ หรือเฉลี่ยประมาณ 1.6 ล้านไร่ต่อปี กล่าวคือ ปี พ.ศ. 2504 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าอยู่ถึงร้อยละ 53.3 ของพื้นที่ประเทศ หรือประมาณ 171 ล้านไร่ และลดลงมาโดยตลอดจนในปี พ.ศ. 2532 ประเทศไทยเหลือพื้นที่ป่าเพียงร้อยละ 27.95 ของพื้นที่ทั้งหมด หรือประมาณ 90 ล้านไร่ รัฐบาลในอดีตได้พยายามจะรักษาพื้นที่ป่าโดยประกาศยกเลิกสัมปทานการทำไม้ในป่าบกทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2532 แต่หลังจากยกเลิกสัมปทานป่าไม้ สถานการณ์ดีขึ้นในระยะแรกเท่านั้น ต่อมาการทำลายก็ยังคงเกิดขึ้นไม่แตกต่างจากสถานการณ์ก่อนยกเลิกสัมปทานป่าไม้เท่าใดนัก โดยพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกก่อนการยกเลิกสัมปทาน (ปี พ.ศ. 2525-2532) เฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 1.2 ล้านไร่ และพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกหลังการยกเลิกสัมปทาน (ปี พ.ศ. 2532-2541) เฉลี่ย 1.1 ล้านไร่ต่อปี
รายการ | พื้นที่ป่า (ล้านไร่) / | พื้นที่ถูกทำลายเฉลี่ยต่อปี (ล้านไร่) |
---|---|---|
ปี พ.ศ. 2504 | 171.0 | - |
ปี พ.ศ. 2525 | 97.8 | 3.5 |
ปี พ.ศ. 2532 (ประกาศยกเลิกสัมปทานป่าไม้) | 89.6 | 1.2 |
ปี พ.ศ. 2541 | 81.1 | 1.1 |
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2543 มีการประเมินพื้นที่ป่าโดยแปลความจากข้อมูลดาวเทียมมาตราส่วน 1:50,000 พบว่า มีพื้นที่ประมาณ 107 ล้านไร่ หรือร้อยละ 33.40 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นผลการประเมินขั้นต้นที่ยังไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องภาคพื้นดินจากพื้นที่ป่าที่เหลืออยู่จะมีพื้นที่ที่มีสภาพทางระบบนิเวศที่สมบูรณ์อยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ได้ทำการประกาศก่อนการยกเลิกสัมปทานป่าไม้ และจากการนำข้อมูลดาวเทียมปี พ.ศ. 2547 ไปทับซ้อนลงบนข้อมูลดาวเทียมปี พ.ศ. 2543 พบว่า นับจากปี พ.ศ. 2543 จนถึง พ.ศ. 2547 มีพื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุกรวม 1,476 แปลง รวมพื้นที่ 3,852,821 ไร่
ผลกระทบ
ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เมื่อไม่มีต้นไม้ปกคลุมทำให้แสงแดดส่องมายังพื้นโลกมากขึ้น ต้นไม้ยังช่วยขยายวัฏจักรของน้ำ ทำให้เกิดการหมุนกลับของไอน้ำเข้าสู่บรรยากาศ การทำลายป่าทำให้อุณภูมิของโลกสูงขึ้น อาจเป็นอันตรายต่อพืชและสัตว์
ปัญหาทางสิ่งแวดล้อม
ชั้นบรรยากาศ การทำลายป่ามีส่วนทำให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อน การทำลายป่าในเขตร้อนมีส่วนประมาณร้อยละ 20 ในการปล่อยแก๊สเรือนกระจกบนโลก ตามที่กล่าวโดยคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) 1 ใน 3 ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ เกิดจากการทำลายป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตร้อน ทว่าการคำนวณเมื่อไม่นานมานี้เสนอแนะว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า (ยกเว้นการปล่อยก๊าซในดินพรุ) มีส่วนร้อยละ 12 จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ โดยมีขอบเขตอยู่ในร้อยละ 6-17
อุทกวิทยา
การทำลายป่ามีผลต่อวัฏจักรของน้ำ ต้นไม้สกัดน้ำบาดาลผ่านทางรากและปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ เมื่อใดที่พื้นที่ป่าบางส่วนถูกทำลาย ต้นไม้จะไม่คายน้ำอีกต่อไป มีผลทำให้สภาพอากาศแห้งมากขึ้น การทำลายป่าลดปริมาณของน้ำในดินและน้ำบาดาล เช่นเดียวกับความชื้นในชั้นบรรยากาศ การทำลายป่าลดการเกาะตัวของดิน ทำให้เกิดผลที่ตามมาคือหน้าดินพังทลาย น้ำท่วม และดินถล่ม ผืนป่าช่วยเพิ่มพูนการดูดซึมน้ำในชั้นหินอุ้มน้ำในบางพื้นที่ พื้นที่ป่าที่มีขนาดเล็กลงมีความสามารถน้อยลงในการดักจับ ดูดซับ และปลดปล่อยปริมาณน้ำฝน แทนที่สกัดกั้นปริมาณน้ำฝนซึ่งจะซึมผ่านไปยังระบบน้ำบาดาล พื้นที่ป่าที่ถูกทำลายจะเป็นตัวการให้เกิดน้ำผิวดิน ซึ่งจะเคลื่อนที่ได้ไวกว่าการไหลของน้ำบาดาล การเคลื่อนที่ที่เร็วกว่าของน้ำผิวดินอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและเกิดน้ำท่วมเฉพาะพื้นที่รุนแรงกว่าที่เกิดกับพื้นที่ที่มีผืนป่าปกคลุม
การทำลายป่ามีส่วนในการลดอัตราการระเหยและการคายน้ำ ซึ่งทำให้ความชื้นในชั้นบรรยากาศน้อยลง ในบางกรณีส่งผลกระทบต่อระดับปริมาณน้ำฝน ตามทิศทางของลมที่พัดมาจากพื้นที่ที่ป่าถูกทำลาย เนื่องจากป่าที่อยู่ตามทิศทางของลมไม่ได้นำน้ำกลับมาหมุนเวียนเพื่อใช้ใหม่ แต่น้ำได้กลายสภาพไปเป็นน้ำผิวดินและไหลกลับไปยังมหาสมุทรโดยตรง จากผลการศึกษาหนึ่งในขั้นต้นพบว่า ในพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายทางตอนเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยในแต่ละปีลดลง 1 ใน 3 ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 และ 1980 ต้นไม้และพืชโดยทั่วไปส่งผลกระทบอย่างมากต่อวัฏจักรของน้ำ
ดิน ป่าไม้ที่ยังไม่ถูกรุกราน มีอัตราการสูญเสียดินที่ต่ำ เพียงแค่ประมาณ 2 ตัน ต่อ ตารางกิโลเมตร โดยทั่วไปการทำลายป่าเพิ่มอัตราการพังทลายของหน้าดิน โดยการเพิ่มประมาณของน้ำผิวดินและลดการป้องกันหน้าดินของเศษซากของต้นไม้ รากต้นไม้ยึดดินเข้าไว้ด้วยกัน และหากผืนดินอยู่ตื้นพอ ผืนดินจะยึดดินไว้ให้อยู่กับหินดานที่อยู่ใต้ลึกลงไป การตัดไม้บนพื้นที่ลาดชัด ซึ่งที่ผืนดินอยู่ตื้น จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดดินถล่ม ซึ่งทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่โดยรอบตกอยู่ในอันตราย อย่างไรก็ตามการทำลายป่าส่วนใหญ่มีผลกระทบแค่กับลำต้นของต้นไม้ หากยังปล่อยให้รากยึดติดอยู่กับดิน ก็แก้ไขปัญหาดินถล่มได้
ทางด้านนิเวศวิทยา การทำลายป่าส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพเสื่อมถอย การตัดและทำลายพื้นที่ที่ป่าไม้ปกคลุมทำให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม และทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง ป่าไม้เกื้อหนุนความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า นอกเหนือจากนั้นป่าไม้ยังเป็นแหล่งที่เอื้อต่อการอนุรักษ์พืชจำพวกยารักษาโรค ด้วยเหตุผลที่เขตชีวชาติในป่าเป็นแหล่งที่หาสิ่งอื่นมาทดแทนไม่ได้ของตัวยาแบบใหม่ ๆ (เช่น แท็กซอล) การทำลายป่าอาจเป็นการทำลายความหลากหลายทางพันธุกรรม (เช่น ภูมิต้านทานของพืชผล) โดยไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
อ้างอิง
- [1] 2012-10-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- วรรณวนาลัย ไพสณฑ์ศรลักษณ์ และ พิทักษ์พนาลี วนศรีเสริมสยาม. 2524. รูปแบบของการทำลายป่าทีสำคัญ, น. 16-20. ใน ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติ ทุ่งพระเมรุ-แสนแสบ-ประสานมิตร-บางเขน, บรรณาธิการ. ป่าไม้จะอยู่ยั้งยืนยง. โอเดียนสโตร์, กรุงเทพมหานคร.
- [2] 2012-09-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisudmummxngaelakrnitwxyanginbthkhwamnixacimidaesdngthungmummxngthiepnsaklkhxngeruxngkhunsamarthchwyaekikhbthkhwamni odyephimmummxngsaklihmakkhun hruxaeykpraednyxyipsrangepnbthkhwamihm eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir karthalaypa khux sphawakhxngpatamthrrmchatithithukthalayodykartdimaelakarephapa ekidkhunidcakhlaysaehtu echn karnatnimaelathanimmaichhruxcahnayepnophkhphnth inrahwangthithakareliyngstw ephaapluk aelatngthinthan bnphunthiwang kartdimodyimplukthdaethndwycanwnthiephiyngphx kxihekidkhwamesiyhaytxthixyuxasy txkhwamhlakhlaythangchiwphaph aelapyha sungsngphlesiytxkarkkekbkaskharbxnidxxkisdinbrryakasodyphuch phunthipathithukthalayodymakcaekidkhwamesiyhaycakkarphngthlaykhxnghnadin aelaphunthimkdxykhunphaphlngcnklayepnthidinthithapraoychnmiid aela immirakimthiichyudkbphundinthaihhnadinthuknaesaahaythaihdinesuxmkhunphaphenuxngcakhnadinmisarxaharsahrbphuchmakkarthalaypafnxaemsxn cakphaphthaydawethiym caehnthnninpamilksnaepnrupkangpla fishbone pattern saehtuswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidrupaebbkarthalaypathisakhyehmuxngthxngaedngexlchion twxyangehmuxngepidinshrthxemrikakarthaireluxnlxy chawekhaaephwthangpaephuxplukphuchirxyutamphuekhasung odyechphaapadngdibekhabriewntnnalathar karbukrukpaephuxplukphuchesrsthkicthisakhy phbidthwipinekhtphakhklang phakhtawnxxkechiyngehnux aelaphakhtawnxxk mikarepliynphunthipaimxnxudmmaepnirkhawophd mnsapahlng hruxpx epnkarepliynaeplngsphaphaewdlxmthirunaerngaelamixyukwangkhwangmakthnginsamphakhkhxngpraethsithy karbukrukpaephuxekhaiptngthinthanihm karthalaypainruplksnanimxngidchdecncakkarcdthidinthakinkhxngnikhmtang echnnikhmshkrnthidin nikhmchawekha l nxkcakni inphakhehnux miphunthirabkhxnkhangcakd emuxprachakrephimkhun cungmikarkhyayphunthithamahakincakthirabkhunipbnekha ifpa miphlthalayessim ibim lukim emldim stwaelaaemlng krathngtniminpaipphrxmkn thaihphiwdininpathithukifihmaekhng khadkhunphaphinkardudsumaelasbna cungthaihekidnaihlbahnadin surface runoff makemuxfntk emuxnaihlbahnadinmak nafnthitklngmacathwmthnfnglahwy nxkcakniyngthaihekidkarkdesaatamlana thaihnakhun phiwhnadinbriewnedimkcakhadkhwamoxchaip naphdphaexatakxnipthwmirna phuchphlesiyhay pnkarephimkhwamesiyhayaekthrphysinaelaphuchphlepnthwikhun karthaimxxkekinkalngkhxngpa karthaehmuxngepid Strip Mining karthalayparupaebbninbwarayaerngmak mikarepidhnadinxxkephuxkhudhaaer emuxphundinprascaksingpkkhlum fntklngmakrathbkbphundinodytrng immitnimthicaskdhruxsingpkkhlumdinthicasbhruxdudsumnaexaiw thaihekidnaihlbahnadinmak aelamikarkdesaathirunaerngtamlahwy lathar hruxbriewniklekhiyngthithwmthnthung mikhwamkhunthakhwamesiyhayaekthrphysin irna aelanakhwameduxdrxnmasuphubriophkhxyangehnidchdsthankarnthrphyakrpaimkarichpraoychncakphunthipaxyangtxenuxnginchwngsithswrrsthiphanmathaihpraethsithysuyesiy phunthipaipaelwpraman 67 lanir hruxechliypraman 1 6 lanirtxpi klawkhux pi ph s 2504 praethsithymiphunthipaxyuthungrxyla 53 3 khxngphunthipraeths hruxpraman 171 lanir aelaldlngmaodytlxdcninpi ph s 2532 praethsithyehluxphunthipaephiyngrxyla 27 95 khxngphunthithnghmd hruxpraman 90 lanir rthbalinxditidphyayamcarksaphunthipaodyprakasykeliksmpthankarthaiminpabkthnghmd inpi ph s 2532 aethlngcakykeliksmpthanpaim sthankarndikhuninrayaaerkethann txmakarthalaykyngkhngekidkhunimaetktangcaksthankarnkxnykeliksmpthanpaimethaidnk odyphunthipathithukbukrukkxnkarykeliksmpthan pi ph s 2525 2532 echliytxpiethakb 1 2 lanir aelaphunthipathithukbukrukhlngkarykeliksmpthan pi ph s 2532 2541 echliy 1 1 lanirtxpi phunthipakxnaelahlngkarykeliksmpthanpaim raykar phunthipa lanir phunthithukthalayechliytxpi lanir pi ph s 2504 171 0 pi ph s 2525 97 8 3 5pi ph s 2532 prakasykeliksmpthanpaim 89 6 1 2pi ph s 2541 81 1 1 1 xyangirktam inpi ph s 2543 mikarpraeminphunthipaodyaeplkhwamcakkhxmuldawethiymmatraswn 1 50 000 phbwa miphunthipraman 107 lanir hruxrxyla 33 40 sungkhxmuldngklawepnphlkarpraeminkhntnthiyngimidtrwcsxbkhwamthuktxngphakhphundincakphunthipathiehluxxyucamiphunthithimisphaphthangrabbniewsthismburnxyuimmaknk swnihycaxyuinrupaebbkhxngxuthyanaehngchatiaelaekhtrksaphnthustwpathiidthakarprakaskxnkarykeliksmpthanpaim aelacakkarnakhxmuldawethiympi ph s 2547 ipthbsxnlngbnkhxmuldawethiympi ph s 2543 phbwa nbcakpi ph s 2543 cnthung ph s 2547 miphunthipaimthukbukrukrwm 1 476 aeplng rwmphunthi 3 852 821 irphlkrathbsngphlihekidkarepliynaeplngphumixakas emuximmitnimpkkhlumthaihaesngaeddsxngmayngphunolkmakkhun tnimyngchwykhyaywtckrkhxngna thaihekidkarhmunklbkhxngixnaekhasubrryakas karthalaypathaihxunphumikhxngolksungkhun xacepnxntraytxphuchaelastw pyhathangsingaewdlxm chnbrryakas karthalaypamiswnthaihekidpraktkarnolkrxn karthalaypainekhtrxnmiswnpramanrxyla 20 inkarplxyaekseruxnkrackbnolk tamthiklawodykhnakrrmkarrahwangrthbalwadwykarepliynaeplngsphaphphumixakas IPCC 1 in 3 khxngkarplxykaskharbxnidxxkisdthnghmdthiekidcaknamuxkhxngmnusy ekidcakkarthalaypa odyechphaaxyangyinginekhtrxn thwakarkhanwnemuximnanmaniesnxaenawakarplxykaskharbxnidxxkisdcakkarthalaypaaelakhwamesuxmothrmkhxngpa ykewnkarplxykasindinphru miswnrxyla 12 cakkarplxykaskharbxnidxxkisdthnghmdthiekidcaknamuxkhxngmnusy odymikhxbekhtxyuinrxyla 6 17 xuthkwithya phaphaesdngwtckrkhxngna karthalaypamiphltxwtckrkhxngna tnimskdnabadalphanthangrakaelaplxyxxksuchnbrryakas emuxidthiphunthipabangswnthukthalay tnimcaimkhaynaxiktxip miphlthaihsphaphxakasaehngmakkhun karthalaypaldprimankhxngnaindinaelanabadal echnediywkbkhwamchuninchnbrryakas karthalaypaldkarekaatwkhxngdin thaihekidphlthitammakhuxhnadinphngthlay nathwm aeladinthlm phunpachwyephimphunkardudsumnainchnhinxumnainbangphunthi phunthipathimikhnadelklngmikhwamsamarthnxylnginkardkcb dudsb aelapldplxyprimannafn aethnthiskdknprimannafnsungcasumphanipyngrabbnabadal phunthipathithukthalaycaepntwkarihekidnaphiwdin sungcaekhluxnthiidiwkwakarihlkhxngnabadal karekhluxnthithierwkwakhxngnaphiwdinxacthaihekidnathwmchbphlnaelaekidnathwmechphaaphunthirunaerngkwathiekidkbphunthithimiphunpapkkhlum karthalaypamiswninkarldxtrakarraehyaelakarkhayna sungthaihkhwamchuninchnbrryakasnxylng inbangkrnisngphlkrathbtxradbprimannafn tamthisthangkhxnglmthiphdmacakphunthithipathukthalay enuxngcakpathixyutamthisthangkhxnglmimidnanaklbmahmunewiynephuxichihm aetnaidklaysphaphipepnnaphiwdinaelaihlklbipyngmhasmuthrodytrng cakphlkarsuksahnunginkhntnphbwa inphunthipathithukthalaythangtxnehnuxaelatawntkechiyngehnuxkhxngpraethscin primannafnodyechliyinaetlapildlng 1 in 3 inchwngkhristthswrrs 1950 aela 1980 tnimaelaphuchodythwipsngphlkrathbxyangmaktxwtckrkhxngna din paimthiyngimthukrukran mixtrakarsuyesiydinthita ephiyngaekhpraman 2 tn tx tarangkiolemtr odythwipkarthalaypaephimxtrakarphngthlaykhxnghnadin odykarephimpramankhxngnaphiwdinaelaldkarpxngknhnadinkhxngesssakkhxngtnim raktnimyuddinekhaiwdwykn aelahakphundinxyutunphx phundincayuddiniwihxyukbhindanthixyuitluklngip kartdimbnphunthiladchd sungthiphundinxyutun caephimkhwamesiyngkhxngkarekiddinthlm sungthaihphukhnthixasyxyuodyrxbtkxyuinxntray xyangirktamkarthalaypaswnihymiphlkrathbaekhkblatnkhxngtnim hakyngplxyihrakyudtidxyukbdin kaekikhpyhadinthlmid thangdanniewswithya karthalaypasngphlihkhwamhlakhlaythangchiwphaphesuxmthxy kartdaelathalayphunthithipaimpkkhlumthaihsingaewdlxmesuxmothrm aelathaihkhwamhlakhlaythangchiwphaphldlng paimekuxhnunkhwamhlakhlaythangchiwphaph odyepnaehlngthixyuxasykhxngstwpa nxkehnuxcaknnpaimyngepnaehlngthiexuxtxkarxnurksphuchcaphwkyarksaorkh dwyehtuphlthiekhtchiwchatiinpaepnaehlngthihasingxunmathdaethnimidkhxngtwyaaebbihm echn aethksxl karthalaypaxacepnkarthalaykhwamhlakhlaythangphnthukrrm echn phumitanthankhxngphuchphl odyimsamartheriykklbkhunmaidxangxing 1 2012 10 24 thi ewyaebkaemchchin wrrnwnaly iphsnthsrlksn aela phithksphnali wnsriesrimsyam 2524 rupaebbkhxngkarthalaypathisakhy n 16 20 in chmrmxnurksthrrmchati thungphraemru aesnaesb prasanmitr bangekhn brrnathikar paimcaxyuyngyunyng oxediynsotr krungethphmhankhr 2 2012 09 07 thi ewyaebkaemchchin