บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
เนเฟอร์เนเฟรูอาเตน ตาเชริท หรือ เนเฟอร์เนเฟรูอาเตน ผู้เยาว์ (มีพระขนม์ชีพในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาล) เป็นเจ้าหญิงชาวอียิปต์โบราณจากราชวงศ์ที่สิบแปดแห่งอียิปต์โบราณ และเป็นพระราชธิดาพระองค์ที่สี่ในฟาโรห์อเคนาเทนกับพระนางเนเฟอร์ติติ
เนเฟอร์เนเฟรูอาเตน ตาเชริท ในไฮเออโรกลีฟ | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เนเฟอร์เนเฟรูอาเตน ตาเชริท Nfr nfrw Jtn tꜣšrjt ความงามอันเป็นที่สุดแห่งอาเตน - ผู้เยาว์ | |||||||||||
เจ้าหญิงเนเฟอร์เนเฟรูเรและเจ้าหญิงเนเฟอร์เนเฟรูอาเตน (ด้านขวา) จากภาพวาดบนฝาผนังพระราชวังในเมืองอาร์มานา |
พระราชวงศ์
พระองค์ประสูติในช่วงระหว่างปีที่ 8 หรือปีที่ 9 แห่งการครองราชย์ของพระบิดา พระองค์เป็นหนึ่งในบรรดาหกพระราชธิดาในฟาโรห์อเคนาเทนโดยเท่าที่ทราบ และเป็นไปได้ว่าพระองค์จะสูติที่เมืองอเคนาเทน (เมืองอาร์มานาในปัจจุบัน) พระนามของพระองค์คือ เนเฟอร์เนเฟรูอาเตน ซึ่งมีความหมายว่า ความงามของความงามแห่งอาเตน หรือ ความงามอันเป็นที่สุดแห่งอาเตน พระองค์มีพระภคิณีสามพระองค์คือ พระนางเมริทอาเตน, เจ้าหญิงเมเคตอาเตน, พระนางอังค์เอสเอ็นปาอาเตน และมีพระขนิษฐาอีกสองพระองค์คือ เจ้าหญิงเนเฟอร์เนเฟรูเร และเจ้าหญิง
พระประวัติ
หลักฐานชิ้นแรกๆ ที่ปรากฏถึงการมีตัวตนของพระองค์คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระราชวังในเมืองอาร์มานาเป็นภาพวาดสีที่บรรยายขณะที่พระองค์กำลังประทับเล่นบนหมอนร่วมกับเจ้าหญิงเนเฟอร์เนเฟรูเร ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงปีที่ 9 แห่งการครองราชย์ของพระบิดา โดยมีภาพของพระราชวงศ์ทุกพระองค์รวมถึงเจ้าหญิงเซเตเพนเรในขณะที่เป็นทารก
พระองค์ปรากฏอยู่บนภาพสลักภายในหลุมฝังศพหลายๆ แห่งในเมืองอาร์มานา และยังปรากฏบนฐานรูปสลักที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นที่เมืองอาร์มานา แต่ต่อมาก็ย้ายมาที่เมืองเฮลิโอโปลิส โดยกล่าวถึงเทพอาเตนกับฟาโรห์อาเคนาเทน และส่วนฐานของรูปส่วนจะกล่าวถึงพระนางอังค์เอสเอนปาอาเตนกับพระองค์
ในหลุมฝังศพของขุนนางระดับสูงนามว่า ฮูยา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าเสนาบดีในพระองค์ โดยปรากฏอยู่ในภาพพระราชวงศ์บนทับหลังบนผนังด้านทิศเหนือ ซึ่งเป็นภาพที่มีฟาโรห์อเคนาเทนกับพระนางเนเฟอร์ติติอยู่ทางด้านซ้ายร่วมกับพระราชธิดาพระองค์โตสี่พระองค์ ในขณะเดียวทางด้านขวาปรากฏภาพสลักของฟาโรห์อเมนโฮเทปที่ 3 พระนางติเย ร่วมกับเจ้าหญิงเบเคตอาเทน ส่วนภาพในหลุมฝังศพของเมริเรที่ 2 ปรากฏภาพของพระองค์ร่วมกับพระภคินีและพระขนิษฐาอีกสี่พระองค์ (ยกเว้นเพียงเจ้าหญิงเซเตเพนเรเท่านั้นที่หายไป)
พระองค์ปรากฏอยู่บนภาพสลักดูร์บาร์ในปีที่ 12 แห่งการครองราชย์ของพระบิดา ในหลุมฝังศพของนักบวชชั้นสูงนามว่า ในเมืองอาร์มานา โดยเป็นภาพที่ฟาโรห์อเคนาเทนกับพระนางเนเฟอร์ติติกำลังรับของขวัญจากดินแดนต่างๆ ซึ่งพระองค์กำลังถือสิ่งของที่เสียหายเกินที่จะระบุว่าเป็นอะไร เจ้าหญิงเนเฟอร์เนเฟรูเรกำลังอุ้มตัวเนื้อทราย และเจ้าหญิงเซเตเพนเรกำลังอุ้มสัตว์เลี้ยง ซึ่งทั้งสองพระองค์ยืนอยู่ข้างหลังเจ้าหญิงเนเฟอร์เนเฟรูอาเตน
ทั้งนี้ พระองค์ยังปรากฏบนภาพสลักของปาเนเฮซิ โดยพระองค์ยืนภายในอาคารใกล้หน้าต่าง ในขณะที่ฟาโรห์อเคนาเทนและพระนางเนเฟอร์ติติกำลังให้เกียรติกับผู้เคารพบูชาเทพอาเตนคนแรกนามว่า ปานาเฮซิ และยังปรากฏบนภาพสลักหนึ่งในภายในสุสานเป็นภาพที่พระองค์และพระภคินีอีกสามพระองค์ร่วมกับพระบิดาและพระมารดาแสดงการถวายดอกไม้แด่เทพอาเทน โดยพระราชธิดาทั้งสี่นั้นล้วนแต่ถือช่อดอกไม้
ปีสุดท้ายและการสิ้นพระชนม์
ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์ แต่มีข้อสันนิษฐานว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ก่อนที่ฟาโรห์ทุตอังค์อามุนกับพระนางอังค์เอสเอนปาอาเตนจะขึ้นครองราชย์ เป็นไปได้ว่าเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ที่ถูกฝังอยู่ในห้องอัลฟา ณ สุสานหลวงในเมืองอาร์มานา
และยังมีข้อสันนิษฐานว่าพระองค์อาจจะเป็นผู้ปกครองร่วมกันกับฟาโรห์อเคนาเตน แต่ก็ยังเป็นข้อถกเถียงอยู่ ซึ่งผู้ปกครองร่วมอาจจะเป็นพระนางเนเฟอร์ติติหรือพระนางเมริทอาเตน ผู้เป็นพระเชษฐาภคินีของพระองค์
อ้างอิง
- Aldred, Cyril, Akhenaten: King of Egypt ,Thames and Hudson, 1991 (paperback), ISBN
- Tyldesley, Joyce. Nefertiti: Egypt's Sun Queen. Penguin. 1998. ISBN
- Dodson, Aidan and Hilton, Dyan. The Complete Royal Families of Ancient Egypt. Thames & Hudson. 2004. ISBN
- Murnane, William J., Texts from the Amarna Period in Egypt, Society of Biblical Literature, 1995 ISBN
- Dodson, Aidan, Amarna Sunset: Nefertiti, Tutankhamun, Ay, Horemheb, and the Egyptian Counter-Reformation. The American University in Cairo Press. 2009, ISBN
- , , in Causing His Name to Live: Studies in Egyptian Epigraphy and History in Memory of William J. Murnane, ed. P. Brand and L. Cooper, Culture and history of the Ancient Near East 37. Leiden: Brill, 2009 p. 14.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxng enefxrenefruxaetn taechrith hrux enefxrenefruxaetn phueyaw miphrakhnmchiphinchwngkhriststwrrsthi 14 kxnkhristkal epnecahyingchawxiyiptobrancakrachwngsthisibaepdaehngxiyiptobran aelaepnphrarachthidaphraxngkhthisiinfaorhxekhnaethnkbphranangenefxrtitienefxrenefruxaetn taechrith inihexxorklifenefxrenefruxaetn taechrith Nfr nfrw Jtn tꜣsrjt khwamngamxnepnthisudaehngxaetn phueyawphrarachthidainfaorhxekhnaethnkbphranangenefxrtitiecahyingenefxrenefrueraelaecahyingenefxrenefruxaetn dankhwa cakphaphwadbnfaphnngphrarachwnginemuxngxarmanaphrarachwngsphraxngkhprasutiinchwngrahwangpithi 8 hruxpithi 9 aehngkarkhrxngrachykhxngphrabida phraxngkhepnhnunginbrrdahkphrarachthidainfaorhxekhnaethnodyethathithrab aelaepnipidwaphraxngkhcasutithiemuxngxekhnaethn emuxngxarmanainpccubn phranamkhxngphraxngkhkhux enefxrenefruxaetn sungmikhwamhmaywa khwamngamkhxngkhwamngamaehngxaetn hrux khwamngamxnepnthisudaehngxaetn phraxngkhmiphraphkhinisamphraxngkhkhux phranangemrithxaetn ecahyingemekhtxaetn phranangxngkhexsexnpaxaetn aelamiphrakhnisthaxiksxngphraxngkhkhux ecahyingenefxrenefruer aelaecahyingphraprawticaksayipkhwa ecahyingesetephner ecahyingenefxrenefruer aelaecahyingenefxrenefruxaetn taechrith thiphaphslkdurbarinpithi 12 hlkthanchinaerk thipraktthungkarmitwtnkhxngphraxngkhkhux phaphcitrkrrmfaphnnginphrarachwnginemuxngxarmanaepnphaphwadsithibrryaykhnathiphraxngkhkalngprathbelnbnhmxnrwmkbecahyingenefxrenefruer sungepnehtukarnthiekidkhunrahwangchwngpithi 9 aehngkarkhrxngrachykhxngphrabida odymiphaphkhxngphrarachwngsthukphraxngkhrwmthungecahyingesetephnerinkhnathiepnthark phraxngkhpraktxyubnphaphslkphayinhlumfngsphhlay aehnginemuxngxarmana aelayngpraktbnthanrupslkthisnnisthanwasrangkhunthiemuxngxarmana aettxmakyaymathiemuxngehlioxoplis odyklawthungethphxaetnkbfaorhxaekhnaethn aelaswnthankhxngrupswncaklawthungphranangxngkhexsexnpaxaetnkbphraxngkh inhlumfngsphkhxngkhunnangradbsungnamwa huya sungmitaaehnngepnhwhnaesnabdiinphraxngkh odypraktxyuinphaphphrarachwngsbnthbhlngbnphnngdanthisehnux sungepnphaphthimifaorhxekhnaethnkbphranangenefxrtitixyuthangdansayrwmkbphrarachthidaphraxngkhotsiphraxngkh inkhnaediywthangdankhwapraktphaphslkkhxngfaorhxemnohethpthi 3 phranangtiey rwmkbecahyingebekhtxaethn swnphaphinhlumfngsphkhxngemrierthi 2 praktphaphkhxngphraxngkhrwmkbphraphkhiniaelaphrakhnisthaxiksiphraxngkh ykewnephiyngecahyingesetephnerethannthihayip phraxngkhpraktxyubnphaphslkdurbarinpithi 12 aehngkarkhrxngrachykhxngphrabida inhlumfngsphkhxngnkbwchchnsungnamwa inemuxngxarmana odyepnphaphthifaorhxekhnaethnkbphranangenefxrtitikalngrbkhxngkhwycakdinaedntang sungphraxngkhkalngthuxsingkhxngthiesiyhayekinthicarabuwaepnxair ecahyingenefxrenefruerkalngxumtwenuxthray aelaecahyingesetephnerkalngxumstweliyng sungthngsxngphraxngkhyunxyukhanghlngecahyingenefxrenefruxaetn thngni phraxngkhyngpraktbnphaphslkkhxngpaenehsi odyphraxngkhyunphayinxakhariklhnatang inkhnathifaorhxekhnaethnaelaphranangenefxrtitikalngihekiyrtikbphuekharphbuchaethphxaetnkhnaerknamwa panaehsi aelayngpraktbnphaphslkhnunginphayinsusanepnphaphthiphraxngkhaelaphraphkhinixiksamphraxngkhrwmkbphrabidaaelaphramardaaesdngkarthwaydxkimaedethphxaethn odyphrarachthidathngsinnlwnaetthuxchxdxkim phaphwadthimiphraxngkhrwmkbechuxphrawngspisudthayaelakarsinphrachnmimthrabwaekidxairkhunkbphraxngkh aetmikhxsnnisthanwaphraxngkhsinphrachnmkxnthifaorhthutxngkhxamunkbphranangxngkhexsexnpaxaetncakhunkhrxngrachy epnipidwaepnhnunginechuxphrawngsthithukfngxyuinhxngxlfa n susanhlwnginemuxngxarmana aelayngmikhxsnnisthanwaphraxngkhxaccaepnphupkkhrxngrwmknkbfaorhxekhnaetn aetkyngepnkhxthkethiyngxyu sungphupkkhrxngrwmxaccaepnphranangenefxrtitihruxphranangemrithxaetn phuepnphraechsthaphkhinikhxngphraxngkhxangxingAldred Cyril Akhenaten King of Egypt Thames and Hudson 1991 paperback ISBN 0 500 27621 8 Tyldesley Joyce Nefertiti Egypt s Sun Queen Penguin 1998 ISBN 0 670 86998 8 Dodson Aidan and Hilton Dyan The Complete Royal Families of Ancient Egypt Thames amp Hudson 2004 ISBN 0 500 05128 3 Murnane William J Texts from the Amarna Period in Egypt Society of Biblical Literature 1995 ISBN 1 55540 966 0 Dodson Aidan Amarna Sunset Nefertiti Tutankhamun Ay Horemheb and the Egyptian Counter Reformation The American University in Cairo Press 2009 ISBN 978 977 416 304 3 in Causing His Name to Live Studies in Egyptian Epigraphy and History in Memory of William J Murnane ed P Brand and L Cooper Culture and history of the Ancient Near East 37 Leiden Brill 2009 p 14