ยุคโคฟุง (ญี่ปุ่น: 古墳時代; โรมาจิ: Kofun-jidai) อยู่ในช่วง ค.ศ. 250 - ค.ศ. 538 เมื่อประมาณกลางศตวรรษที่ 4 ชนเผ่าอิสระกลุ่มต่าง ๆ ได้ถูกรวบรวมโดยชนเผ่ายามาโตะ (ญี่ปุ่น: 大和民族; โรมาจิ: Yamato-Minzoku) ขณะเดียวกันสุสานที่มีลักษณะพิเศษเป็นรูปกุญแจก็ถูกสร้างขึ้นทั่วไป ความรู้ และวิทยาการต่าง ๆ จากจีนได้หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากในสมัยนี้ ในศตวรรษที่ 4 ชนเผ่ายามาโตะได้ขึ้นไปคาบสมุทรเกาหลีและรับเอาวัฒนธรรมการผลิตเครื่องใช้ของภาคพื้นทวีปมา ต่อมาในสมัยศตวรรษที่ 5 ชาวเกาหลีได้นำวิทยาการต่าง ๆ เข้ามา เช่น การผลิตเครื่องโลหะ เครื่องปั้นดินเผา การทอผ้า การถลุงเหล็ก และวิศวกรรมโยธา รวมทั้งมีการเริ่มใช้อักษรคันจิซึ่งเป็นตัวอักษรของจีนด้วย และเมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 6 ลัทธิขงจื๊อกับศาสนาพุทธก็ได้แพร่หลายเข้ามาในญี่ปุ่นเช่นกัน
ในศตวรรษที่ 7 เจ้าชายโชโตกุ (ญี่ปุ่น: 聖徳太子; โรมาจิ: Shōtoku-taishi) จัดวางระบบการปกครองโดยรวมอำนาจไว้ที่จักรพรรดิตามแบบราชวงศ์สุยกับราชวงศ์ถังของจีนได้สำเร็จเมื่อครั้งปฏิรูปการปกครองไทกะ (ญี่ปุ่น: 大化の改新; โรมาจิ: Taika-no-kaishin) และมีการส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีจนถึงปลายศตวรรษที่ 9 ถึงสิบกว่าครั้ง
เหตุการณ์ที่สำคัญ
- ราว ค.ศ. 300 เริ่มมีการสร้างสุสานโบราณขนาดใหญ่ เป็นเนินพระศพของจักรพรรดินินโตกุ มีลักษณะเป็นรูปกุญแจ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าหลุมฝังพระศพของจักรพรรดิจีน แสดงให้เห็นว่า สังคมญี่ปุ่นได้มาถึงยุคที่มีความแตกต่างกันของชนชั้นภายในแผ่นดินญี่ปุ่นยังแบ่งออกเป็นรัฐหรือแคว้นต่าง ๆ
- แต่ละแคว้นอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มชนตระกูลต่าง ๆ และตระกูลที่มีอำนาจทางทหารและการเมืองมากที่สุดคือ ตระกูลยามาโตะ ซึ่งมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่เขตคันไซ
- ราว ค.ศ. 360 แคว้นต่าง ๆ ค่อย ๆ รวมตัวกันอยู่ใต้อำนาจของราชสำนักยามาโตะ ซึ่งตระกูลยามาโตะได้อ้างว่าตนสืบเชื้อสายมาจากเทพีพระอาทิตย์ และได้รับมอบหมายจากพระนางให้เป็นผู้ปกครองญี่ปุ่น แต่ยังไม่มีการสถาปนาตระกูลยามาโตะขึ้นเป็นจักรพรรดิญี่ปุ่น (ตระกูลยามาโตะ จึงเป็นเหมือนรัฐบาลปกครองประเทศ)
- ช่วงศตวรรษที่ 4 ญี่ปุ่นได้ช่วยเหลืออาณาจักรแพ็กเจของเกาหลีรบกับอีก 2 อาณาจักรในเกาหลีคืออาณาจักรโคกูรยอและอาณาจักรชิลลา ในเวลานั้นผู้คนจากอาณาจักรแพ็กเจก็ได้นำวัฒนธรรมจากภาคพื้นทวีปเข้าเผยแพร่สู่ญี่ปุ่น
- ช่วงศตวรรษที่ 5 วิทยาการต่าง ๆ จากจีนเข้ามาสู่ญี่ปุ่น เช่น การผลิตเครื่องโลหะ เครื่องปั้นดินเผา การทอผ้า การถลุงเหล็ก วิศวกรรมโยธา การฟอกหนัง การต่อเรือ และเริ่มใช้อักษรคันจิ ซึ่งเป็นอักษรจีนด้วย และโดยผ่านทางสื่อตัวอักษรนี้เอง ชาวญี่ปุ่นจึงได้เรียนความรู้เบื้องต้นทางการแพทย์ การใช้ปฏิทินและดาราศาสตร์
- ค.ศ. 507 จักรพรรดิเคไต ซึ่งเป็นทายาทตระกูลยามาโตะ ขึ้นครองราชย์
- ค.ศ. 538 (หรือบางทฤษฎีบอกว่าเป็น ค.ศ. 552) ศาสนาพุทธแพร่เข้าสู่ญี่ปุ่น เมื่อกษัตริย์แห่งอาณาจักรแพ็กเจ (อาณาจักรทางตะวันตกของเกาหลี) ส่งทูตพร้อมกับพระคัมภีร์และพระพุทธรูปมามอบให้ โดยหวังที่จะขอความช่วยเหลือจากญี่ปุ่นต่อต้านการรุกรานของอาณาจักรชิลลา (อาณาจักรทางตะวันออกของเกาหลี) ปรากฏว่าก่อน ค.ศ. 552 ญี่ปุ่นก็ได้รู้จักศาสนาพุทธมาบ้างแล้ว
- ค.ศ. 539 จักรพรรดิคิมเม ขึ้นครองราชย์ มีตระกูลโซงะ ซึ่งเป็นตระกูลที่สนับสนุนศาสนาพุทธ มีอำนาจอิทธิพลสูงในราชสำนัก โดยได้มีโอกาสที่จะให้สตรีของครอบครัว สมรสกับเจ้านายในราชตระกูล ซึ่งทำให้ฐานะของครอบครัวสูงขึ้นเสมอระดับเดียวกับราชตระกูล
- ค.ศ. 587 ตระกูลโซงะได้สนับสนุนให้หลานชายของตนขึ้นเป็นจักรพรรดิซูชุง ซึ่งเมื่อพระองค์ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งอยู่ใต้อำนาจพวกโซงะ ก็ถูกปลงพระชนม์ และพวกโซงะก็หันไปสนับสนุนหลานสาว คือ พระนางซูอิโกะ ขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นจักรพรรดินี เป็นจักรพรรดินีองค์แรกของญี่ปุ่น แต่ตระกูลโซงะก็ไม่ได้มีอำนาจเหนือราชสำนักโดยสิ้นเชิง เพราะยังมีเจ้าชายแห่งราชตระกูลอีกมากที่มีอิทธิพลทางการเมือง โดยเจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในกลุ่มราชตระกูล คือ เจ้าชายโชโตกุ
- ค.ศ. 593 เจ้าชายโชโตกุ สำเร็จราชกาลแทนจักรพรรดินีซูอิโกะ พระองค์เป็นผู้นำที่สำคัญในการปฏิรูปส่วนกลาง นอกจากนี้ยังเชื่อว่า พระองค์เป็นผู้สร้างวัดโฮรีวบริเวณขอบนอกของเมืองนาระในปัจจุบันด้วย ซึ่งจัดว่าเป็นอาคารไม้เก่าแก่ที่สุดของโลกที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน
- ค.ศ. 603 เจ้าชายโชโตกุ กำหนดให้มีระบบขุนนางราชการ 12 ตำแหน่ง
- ค.ศ. 604 เจ้าชายโชโตกุ ตรารัฐธรรมนูญ 17 มาตรา กำหนดให้เมืองยามาโตะ (เมืองนาระ) เป็นศูนย์กลางการปกครอง และกำหนดให้จักรพรรดิมีอำนาจสูงสุด โดยบทบัญญัติดังกล่าวมิได้อยู่ในรูปกฎหมายหรือข้อบังคับการบริหารที่แน่นอนเลย แต่เป็นเพียงการรวบรวมธรรมะในพุทธศาสนาและคติพจน์ต่าง ๆ ตามลัทธิขงจื้อในสมัยราชวงศ์ฮั่นของจีน ซึ่งให้หลักเกณฑ์ที่จำเป็นสำหรับการเป็นข้าราชการที่มีคุณธรรม
- ค.ศ. 645 เกิดการปฏิรูปไทกะ มีการปฏิรูปที่ดิน ทำลายระบบนายทุนที่ดิน ญี่ปุ่นได้เรียกชื่อประเทศของตนเป็นทางการว่า “นิฮง” ส่วนชื่อ “เจแปน” ที่เป็นภาษาอังกฤษเป็นการเลียนเสียงภาษาจีนที่ใช้เรียกญี่ปุ่น นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังแบ่งหน่วยการปกครองใหม่ตามอิทธิพลจากจีน รวมอำนาจสู่ศูนย์กลางไว้ที่จักรพรรดิ
- ค.ศ. 672 ศึกจินชิน เป็นศึกชิงบัลลังก์จักรพรรดิ
- ค.ศ. 701 เกิดประมวลกฎหมายไทโฮ ตรากฎหมายเพื่อใช้ร่วมกันทั้งประเทศ
อ้างอิง
- Bogucki, Peter (1999). The Origins of Human Society. Blackwell Publishing. .
- Farris, William Wayne (1998). Sacred texts and buried treasures : issues in the historical archaeology of ancient Japan. University of Hawai'i Press. .
- Imamura, Keiji (1996). Prehistoric Japan: New Perspectives on Insular East Asia. University of Hawaii Press. .
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
yukhokhfung yipun 古墳時代 ormaci Kofun jidai xyuinchwng kh s 250 kh s 538 emuxpramanklangstwrrsthi 4 chnephaxisraklumtang idthukrwbrwmodychnephayamaota yipun 大和民族 ormaci Yamato Minzoku khnaediywknsusanthimilksnaphiessepnrupkuyaeckthuksrangkhunthwip khwamru aelawithyakartang cakcinidhlngihlekhamaepncanwnmakinsmyni instwrrsthi 4 chnephayamaotaidkhunipkhabsmuthrekahliaelarbexawthnthrrmkarphlitekhruxngichkhxngphakhphunthwipma txmainsmystwrrsthi 5 chawekahliidnawithyakartang ekhama echn karphlitekhruxngolha ekhruxngpndinepha karthxpha karthlungehlk aelawiswkrrmoytha rwmthngmikarerimichxksrkhncisungepntwxksrkhxngcindwy aelaemuxekhasustwrrsthi 6 lththikhngcuxkbsasnaphuththkidaephrhlayekhamainyipunechnkn instwrrsthi 7 ecachayochotku yipun 聖徳太子 ormaci Shōtoku taishi cdwangrabbkarpkkhrxngodyrwmxanaciwthickrphrrditamaebbrachwngssuykbrachwngsthngkhxngcinidsaercemuxkhrngptirupkarpkkhrxngithka yipun 大化の改新 ormaci Taika no kaishin aelamikarsngthutipecriysmphnthimtricnthungplaystwrrsthi 9 thungsibkwakhrngehtukarnthisakhyraw kh s 300 erimmikarsrangsusanobrankhnadihy epneninphrasphkhxngckrphrrdininotku milksnaepnrupkuyaec sungmikhnadihykwahlumfngphrasphkhxngckrphrrdicin aesdngihehnwa sngkhmyipunidmathungyukhthimikhwamaetktangknkhxngchnchnphayinaephndinyipunyngaebngxxkepnrthhruxaekhwntang aetlaaekhwnxyuphayitkarkhwbkhumkhxngklumchntrakultang aelatrakulthimixanacthangthharaelakaremuxngmakthisudkhux trakulyamaota sungmisunyklangxanacxyuthiekhtkhnis raw kh s 360 aekhwntang khxy rwmtwknxyuitxanackhxngrachsankyamaota sungtrakulyamaotaidxangwatnsubechuxsaymacakethphiphraxathity aelaidrbmxbhmaycakphranangihepnphupkkhrxngyipun aetyngimmikarsthapnatrakulyamaotakhunepnckrphrrdiyipun trakulyamaota cungepnehmuxnrthbalpkkhrxngpraeths chwngstwrrsthi 4 yipunidchwyehluxxanackraephkeckhxngekahlirbkbxik 2 xanackrinekahlikhuxxanackrokhkuryxaelaxanackrchilla inewlannphukhncakxanackraephkeckidnawthnthrrmcakphakhphunthwipekhaephyaephrsuyipun chwngstwrrsthi 5 withyakartang cakcinekhamasuyipun echn karphlitekhruxngolha ekhruxngpndinepha karthxpha karthlungehlk wiswkrrmoytha karfxkhnng kartxerux aelaerimichxksrkhnci sungepnxksrcindwy aelaodyphanthangsuxtwxksrniexng chawyipuncungideriynkhwamruebuxngtnthangkaraephthy karichptithinaeladarasastr kh s 507 ckrphrrdiekhit sungepnthayathtrakulyamaota khunkhrxngrachy kh s 538 hruxbangthvsdibxkwaepn kh s 552 sasnaphuththaephrekhasuyipun emuxkstriyaehngxanackraephkec xanackrthangtawntkkhxngekahli sngthutphrxmkbphrakhmphiraelaphraphuththrupmamxbih odyhwngthicakhxkhwamchwyehluxcakyipuntxtankarrukrankhxngxanackrchilla xanackrthangtawnxxkkhxngekahli praktwakxn kh s 552 yipunkidrucksasnaphuththmabangaelw kh s 539 ckrphrrdikhimem khunkhrxngrachy mitrakulosnga sungepntrakulthisnbsnunsasnaphuthth mixanacxiththiphlsunginrachsank odyidmioxkasthicaihstrikhxngkhrxbkhrw smrskbecanayinrachtrakul sungthaihthanakhxngkhrxbkhrwsungkhunesmxradbediywkbrachtrakul kh s 587 trakulosngaidsnbsnunihhlanchaykhxngtnkhunepnckrphrrdisuchung sungemuxphraxngkhimyxmechuxfngkhasngxyuitxanacphwkosnga kthukplngphrachnm aelaphwkosngakhnipsnbsnunhlansaw khux phranangsuxioka khunnngbllngkepnckrphrrdini epnckrphrrdinixngkhaerkkhxngyipun aettrakulosngakimidmixanacehnuxrachsankodysineching ephraayngmiecachayaehngrachtrakulxikmakthimixiththiphlthangkaremuxng odyecathimichuxesiyngmakthisudinklumrachtrakul khux ecachayochotku kh s 593 ecachayochotku saercrachkalaethnckrphrrdinisuxioka phraxngkhepnphunathisakhyinkarptirupswnklang nxkcakniyngechuxwa phraxngkhepnphusrangwdohriwbriewnkhxbnxkkhxngemuxngnarainpccubndwy sungcdwaepnxakharimekaaekthisudkhxngolkthiynghlngehluxxyuinpccubn kh s 603 ecachayochotku kahndihmirabbkhunnangrachkar 12 taaehnng kh s 604 ecachayochotku trarththrrmnuy 17 matra kahndihemuxngyamaota emuxngnara epnsunyklangkarpkkhrxng aelakahndihckrphrrdimixanacsungsud odybthbyytidngklawmiidxyuinrupkdhmayhruxkhxbngkhbkarbriharthiaennxnely aetepnephiyngkarrwbrwmthrrmainphuththsasnaaelakhtiphcntang tamlththikhngcuxinsmyrachwngshnkhxngcin sungihhlkeknththicaepnsahrbkarepnkharachkarthimikhunthrrm kh s 645 ekidkarptirupithka mikarptirupthidin thalayrabbnaythunthidin yipunideriykchuxpraethskhxngtnepnthangkarwa nihng swnchux ecaepn thiepnphasaxngkvsepnkareliynesiyngphasacinthiicheriykyipun nxkcakni yipunyngaebnghnwykarpkkhrxngihmtamxiththiphlcakcin rwmxanacsusunyklangiwthickrphrrdi kh s 672 sukcinchin epnsukchingbllngkckrphrrdi kh s 701 ekidpramwlkdhmayithoh trakdhmayephuxichrwmknthngpraethsxangxingBogucki Peter 1999 The Origins of Human Society Blackwell Publishing ISBN 1 5771 8112 3 Farris William Wayne 1998 Sacred texts and buried treasures issues in the historical archaeology of ancient Japan University of Hawai i Press ISBN 0 8248 1966 7 Imamura Keiji 1996 Prehistoric Japan New Perspectives on Insular East Asia University of Hawaii Press ISBN 0 8248 1852 0