การบุกครองอิรัก พ.ศ. 2546 (19 มีนาคม – 1 พฤษภาคม 2546) เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่เรียกว่า สงครามอิรัก หรือปฏิบัติการเสรีภาพอิรัก ซึ่งกำลังผสมอันประกอบด้วยทหารจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลียและโปแลนด์บุกครองอิรักและโค่นรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซนภายในปฏิบัติการรบหลักนาน 21 วัน ระยะบุกครองประกอบด้วยสงครามรบตามแบบซึ่งจบลงด้วยการยึดครองกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก โดยกำลังผสม
การบุกครองอิรัก พ.ศ. 2546 | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามอิรัก | |||||||
จากซ้ายไปขวา: เหล่านาวิกโยธินสหรัฐ; ยานพาหนะทหารสหรัฐอยู่ในพายุทราย; ทหารสหรัฐดูสิ่งก่อสร้างที่ถูกเผาที่; ประชาชนชาวอิรักฉลองในช่วงที่อนุสาวรีย์ซัดดัม ฮุสเซนถูกโค่น | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ฝ่ายสัมพันธมิตร: กลุ่มทหารจาก: |
ขบวนการประชาชนมุญาฮิดีนอิหร่าน (หยุดยิงในค.ศ. 2003) อันศอรอัลอิสลาม | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
จอร์จ ดับเบิลยู. บุช | ซัดดัม ฮุสเซน | ||||||
กำลัง | |||||||
สหรัฐ: 192,000 คน ออสเตรเลีย: ทหาร 2,000 นาย | : ทำงาน 538,000 นาย : 1600–2800 | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
สัมพันธมิตร: ถูกฆ่า 214 นาย ตาย 238 นาย, บาดเจ็บ 1,000+ นาย | โดยประมาณ: 30,000 นาย[] 7,600–11,000 นาย (ผลสำรวจและรายงานเป็น 4,895–6,370 นาย) 13,500–45,000 นาย (หน่วยทหารรอบแบกแดด) รวม: ถูกฆ่า 7,600–8,000 นาย | ||||||
ประชาชนในอิรักโดยประมาณ: |
สี่ประเทศที่สนับสนุนกำลังพลระหว่างระยะบุกครองเริ่มต้น ซึ่งกินเวลาตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคมถึง 9 เมษายน 2546 ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา (148,000), สหราชอาณาจักร (45,000), ออสเตรเลีย (2,000) และโปแลนด์ (194) อีก 36 ประเทศเข้าร่วมในผลตามหลัง ในการเตรียมการบุกครอง ทหารสหรัฐ 100,000 นายประชุมกันในคูเวตจนถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ สหรัฐอเมริกาเป็นกำลังบุกครองส่วนใหญ่ แต่ยังได้รับการสนับสนุนจากทหารนอกประจำการชาวเคิร์ดในเคอร์ดิสถานอิรัก
ประธานาธิบดีสหรัฐ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โทนี แบลร์ กล่าวถึงเหตุผลสำหรับการบุกครองว่า "เพื่อปลดอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงของอิรัก, เพื่อยุติการสนับสนุนการก่อการร้ายของซัดดัม ฮุสเซนตามที่มีการกล่าวหา และเพื่อปลดปล่อยชาวอิรัก" อย่างไรก็ดี อดีตหัวหน้าที่ปรึกษาต่อต้านการก่อการร้ายต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ ริชาร์ด เอ. คลาร์กเชื่อว่าบุชเข้าดำรงตำแหน่งพร้อมแผนการบุกครองอิรัก ส่วนแบลร์ระบุว่า สาเหตุคือ ความล้มเหลวของอิรักในการฉวย "โอกาสสุดท้าย" ในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ เคมีและชีวภาพของตนเองตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งทางการสหรัฐและอังกฤษเรียกว่าเป็น ภัยคุกคามทันด่วนและทนไม่ได้ต่อสันติภาพโลก ในปี 2548 หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกาออกรายงานระบุว่า ไม่พบอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงในอิรัก
ในเดือนมกราคม 2546 การสำรวจความคิดเห็นของซีบีเอสพบว่า ชาวอเมริกัน 64% สนับสนุนการปฏิบัติทางทหารต่ออิรัก อย่างไรก็ดี 63% ต้องการให้บุชหาทางออกทางการทูตมากกว่าการทำสงคราม และ 62% เชื่อว่าภัยคุกคามอันเนื่องมาจากการก่อการร้ายต่อสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพราะสงคราม การบุกครองอิรักได้รับการคัดค้านอย่างแข็งขันจากพันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐ รวมทั้งรัฐบาลฝรั่งเศส เยอรมนี นิวซีแลนด์และแคนาดา ผู้นำของชาติเหล่านี้แย้งว่าไม่มีหลักฐานอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงในอิรัก และการบุกครองอิรักจะไม่ได้รับความชอบธรรมในบริบทของรายงานคณะตรวจสอบอาวุธทั้งในส่วนของคณะผู้ตรวจสอบอาวุธเคมี ชีวภาพและพาหะนำส่งของสหประชาชาติ (UNMOVIC) เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2546 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ หนึ่งเดือนก่อนการบุกครอง มีการประท้วงทั่วโลกต่อต้านสงครามอิรัก รวมทั้งการชุมนุมกว่าสามล้านคนในกรุงโรม ซึ่งบันทึกสถิติโลกกินเนสส์บันทึกไว้ว่าเป็นการชุมนุมต่อต้านสงครามที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมี นักวิชาการฝรั่งเศส Dominique Reynié ระบุว่า ระหว่างวันที่ 3 มกราคมถึง 12 เมษายน 2546 มีประชาชน 36 ล้านคนทั่วโลกเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านสงครามอิรักเกือบ 3,000 ครั้ง
ก่อนหน้าการบุกครองมีการโจมตีทางอากาศต่อทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงแบกแดดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2546 วันรุ่งขึ้น กำลังผสมได้เริ่มบุกครองเข้าสู่จังหวัดบาสราจากจุดระดมพลใกล้กับพรมแดนอิรัก-คูเวต ขณะที่กองกำลังพิเศษโจมตีแบบสะเทินน้ำสะเทินบกจากอ่าวเปอร์เซียเพื่อยึดบาสรา และบ่อปิโตรเลียมที่อยู่โดยรอบ กองทัพบุกครองหลักเคลื่อนเข้าไปในอิรักตอนใต้ ยึดครองพื้นที่นั้นและรบในยุทธการนาซิริยาห์เมื่อวันที่ 23 มีนาคม การโจมตีทางอากาศขนานใหญ่ทั่วประเทศและต่อระบบบัญชาการและควบคุมของอิรักทำให้กองทัพฝ่ายป้องกันโกลาหลและไม่อาจต้านทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันที่ 26 มีนาคม กองพลน้อยพลร่มที่ 173 โดดร่มลงใกล้กับนครคีร์คูกทางเหนือ ซึ่งพวกเขาเข้าร่วมกับกำลังกบฏชาวเคิร์ดและดำเนินการปฏิบัติหลายครั้งต่อกองทัพอิรักเพื่อยึดครองส่วนเหนือของประเทศ
ทัพผสมหลักเคลื่อนตัวต่อไปยังใจกลางอิรักและพบกับการต้านทานเพียงเล็กน้อย ทหารอิรักส่วนใหญ่พ่ายแพ้อย่างรวดเร็วและกรุงแบกแดดถูกยึดครองเมื่อวันที่ 9 เมษายน ปฏิบัติการอื่นเกิดขึ้นต่อวงล้อมกองทัพอิรักรวมทั้งการยึดคีร์คูกเมื่อวันที่ 10 เมษายน และการโจมตีและยึดทิกริตเมื่อวันที่ 15 เมษายน ประธานาธิบดีอิรัก ซัดดัม ฮุสเซน และผู้นำส่วนกลางหลบซ่อนตัวหลังกำลังผสมสำเร็จการยึดครองประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม มีการประกาศยุติปฏิบัติการรบหลัก อันเป็นการยุติของขั้นบุกครองและการเริ่มต้นของขั้นการยึดครองทางทหาร จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2546 มีรายงานว่า ยอดพลเรือนเสียชีวิตอยู่ที่ 36,533 คน และการศึกษาดังกล่าวศึกษาเฉพาะพื้นที่อิรักส่วนที่มิใช่ของชาวเคิร์ด
อ้างอิง
- Graham, Bradley (7 เมษายน 2003). "U.S. Airlifts Iraqi Exile Force For Duties Near Nasiriyah". Washington Post. จากแหล่งเดิมเมื่อ 8 สิงหาคม 2007. สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2009.
- John Pike (14 March 2003). "Free Iraqi Forces Committed to Democracy, Rule of Law – DefenseLink". Globalsecurity.org. จากแหล่งเดิมเมื่อ 10 September 2009. สืบค้นเมื่อ 13 September 2009.
- . Usnews.com. 7 April 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 February 2004. สืบค้นเมื่อ 9 December 2015.
- Kim Ghattas (14 เมษายน 2003). "Syrians join Iraq 'jihad'". BBC News. จากแหล่งเดิมเมื่อ 21 กันยายน 2011. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2011.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2011. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2011.
- Ephraim Kahana, Muhammad Suwaed (2009). The A to Z of Middle Eastern Intelligence. Scarecrow Press. p. 208. ISBN .
{{}}
: CS1 maint: uses authors parameter () - "Security Council endorses formation of sovereign interim government in Iraq; welcomes end of occupation by 30 June, democratic elections by January 2005". United Nations. 8 มิถุนายน 2004. จากแหล่งเดิมเมื่อ 23 กันยายน 2014. สืบค้นเมื่อ 5 มิถุนายน 2017.
- "Archived copy" (PDF). (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 11 May 2009. สืบค้นเมื่อ 4 April 2015.
{{}}
: CS1 maint: archived copy as title () - Katzman, Kenneth (5 กุมภาพันธ์ 2009). "Iraq: Post-Saddam Governance and Security" (PDF). fpc.state.gov/. Congressional Research Service. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 3 มีนาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2014.
In the war, Iraq's conventional military forces were overwhelmed by the approximately 380,000-person U.S. and British-led 30-country18 "coalition of the willing" force, a substantial proportion of which were in supporting roles.
- . Huffington Post. Associated Press. 15 เมษายน 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 October 2014. สืบค้นเมื่อ 23 February 2014.
- Australian Department of Defence (2004). The War in Iraq. ADF Operations in the Middle East in 2003 9 ตุลาคม 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Page 11.
- Isaac J. Peltier. "Surrogate Warfare: The Role of U.S. Army Special Forces" (PDF). p. 2. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 24 May 2013. สืบค้นเมื่อ 21 February 2013.
- (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 7 August 2011. สืบค้นเมื่อ 18 July 2011.
{{}}
: CS1 maint: archived copy as title () - Toby Dodge (16 พฤศจิกายน 2002). "Iraqi army is tougher than US believes". The Guardian. จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 มีนาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2012.
- "IRAQ: Iraq's Prewar Military Capabilities". Council on Foreign Relations. จากแหล่งเดิมเมื่อ 14 December 2018. สืบค้นเมื่อ 14 December 2018.
- "Foreign Irregulars in Iraq". www.washingtoninstitute.org. 10 April 2003. จากแหล่งเดิมเมื่อ 3 April 2019. สืบค้นเมื่อ 3 April 2019.
- "Iraq Coalition Casualties: Fatalities by Year and Month" 6 กุมภาพันธ์ 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน iCasualties.org. Retrieved 1 November 2009.
- icasualties Iraq Coalition Casualties: U.S. Wounded Totals 24 ธันวาคม 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Willing to face Death: A History of Kurdish Military Forces – the Peshmerga – from the Ottoman Empire to Present-Day Iraq (page 67) 29 ตุลาคม 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Michael G. Lortz
- "The Wages of War: Iraqi Combatant and Noncombatant Fatalities in the 2003 Conflict". Commonwealth Institute of Cambridge. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2 September 2009. สืบค้นเมื่อ 13 September 2009.
- "Wages of War – Appendix 1. Survey of reported Iraqi combatant fatalities in the 2003 war". Commonwealth Institute of Cambridge. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2 September 2009. สืบค้นเมื่อ 13 September 2009.
- "Body counts". By Jonathan Steele. The Guardian. 28 May 2003.
- Iraq Body Count project 9 พฤศจิกายน 2009 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Source of IBC quote on undercounting by media is Press Release 15 :: Iraq Body Count.
- "U.S. has 100,000 troops in Kuwait". CNN. February 18, 2003.
- "President Discusses Beginning of Operation Iraqi Freedom".
- Andrew Buncombe, ": 'Iraq could be much more of a problem for America than if Saddam had stayed in power', The Monday Interview: Former White House security chief", The Independent, Washington, June 14, 2004.
- "President Bush Meets with Prime Minister Blair". Georgewbush-whitehouse.archives.gov. 2003-01-31. สืบค้นเมื่อ 2009-09-13.
- . Msnbc.msn.com. April 25, 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-07-23. สืบค้นเมื่อ 2008-09-01.
- "Poll: Talk First, Fight Later" 2007-03-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. CBS.com, Jan. 24, 2003. Retrieved on April 23, 2007.
- Joint Declaration by Russia, Germany and France on Iraq France Diplomatie February 10, 2003
- NZ praised for 'steering clear of Iraq war The Dominion Post December 7, 2008
- Beltrame, Julian (March 31, 2003). . Maclean's. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-18. สืบค้นเมื่อ 19 January 2009.
- "Guinness World Records, Largest Anti-War Rally". Guinness World Records. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2004-09-04. สืบค้นเมื่อ 2007-01-11.
- Callinicos, Alex (March 19, 2005). . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-03-21. สืบค้นเมื่อ 2007-01-11.
- (August 21, 2003). . wanniski.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากrel="nofollow" แหล่งเดิมเมื่อ 2006-08-11. สืบค้นเมื่อ August 9, 2006.
{{}}
: ตรวจสอบค่า|url=
((help))
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
karbukkhrxngxirk ph s 2546 19 minakhm 1 phvsphakhm 2546 epncuderimtnkhxngkhwamkhdaeyngthieriykwa sngkhramxirk hruxptibtikaresriphaphxirk sungkalngphsmxnprakxbdwythharcakshrthxemrika shrachxanackr xxsetreliyaelaopaelndbukkhrxngxirkaelaokhnrthbalsddm husesnphayinptibtikarrbhlknan 21 wn rayabukkhrxngprakxbdwysngkhramrbtamaebbsungcblngdwykaryudkhrxngkrungaebkaedd emuxnghlwngkhxngxirk odykalngphsmkarbukkhrxngxirk ph s 2546swnhnungkhxng sngkhramxirkcaksayipkhwa ehlanawikoythinshrth yanphahnathharshrthxyuinphayuthray thharshrthdusingkxsrangthithukephathi prachachnchawxirkchlxnginchwngthixnusawriysddm husesnthukokhnwnthi20 minakhm 1 phvsphakhm kh s 2003 1 eduxn 1 spdah 4 wn sthanthipraethsxirkphlfaysmphnthmitrchna rthbalphrrkhbaxsthuklmlang shrthkhrxbkhrxngxirk kxtng erimtnsngkhramxirkkhusngkhramfaysmphnthmitr shrth shrachxanackr xxsetreliy opaelnd klumthharcak shphaphrkchatiaehngekhxrdisthan xirk xasasmkhrchawxahrb khbwnkarprachachnmuyahidinxihran hyudyinginkh s 2003 xnsxrxlxislamphubngkhbbychaaelaphunacxrc dbebilyu buch dik chiniy dxnld rmsefld othni aeblr cxhn ohewird pietxr khxsokrf xaaelksnaedr kfchaeyfskisddm husesnkalng shrth 192 000 khn shrachxanackr thhar 45 000 nay xxsetreliy thhar 2 000 nay opaelnd kxngkalngphiess 194 nay 70 000 620 thangan 538 000 nay sarxng 650 000 nay rththng 2 000 khn APCs aela IFVs 3 700 khn thharpunihy 2 300 nay hnwycuocmxakasyan 300 nay 12 000 70 000 75 000 nay 30 000 xasasmkhrchawxahrb 6 000 nay 1600 2800khwamsuyesiysmphnthmitr thukkha 214 nay badecb 606 nay shrth Peshmerga thukkha 24 nay rwm tay 238 nay badecb 1 000 nayodypraman 30 000 nay txngkarxangxing 7 600 11 000 nay phlsarwcaelaraynganepn 4 895 6 370 nay 13 500 45 000 nay hnwythharrxbaebkaedd rwm thukkha 7 600 8 000 nayprachachninxirkodypraman 7 269 khn cakkarnbsph txngkaraehlngxangxingdikwani 3 200 4 300 cakrayngan sipraethsthisnbsnunkalngphlrahwangrayabukkhrxngerimtn sungkinewlatngaetwnthi 19 minakhmthung 9 emsayn 2546 prakxbdwy shrthxemrika 148 000 shrachxanackr 45 000 xxsetreliy 2 000 aelaopaelnd 194 xik 36 praethsekharwminphltamhlng inkaretriymkarbukkhrxng thharshrth 100 000 nayprachumkninkhuewtcnthungwnthi 18 kumphaphnth shrthxemrikaepnkalngbukkhrxngswnihy aetyngidrbkarsnbsnuncakthharnxkpracakarchawekhirdinekhxrdisthanxirk prathanathibdishrth cxrc dbebilyu buch aelanaykrthmntrixngkvs othni aeblr klawthungehtuphlsahrbkarbukkhrxngwa ephuxpldxawuthxanuphaphthalaylangsungkhxngxirk ephuxyutikarsnbsnunkarkxkarraykhxngsddm husesntamthimikarklawha aelaephuxpldplxychawxirk xyangirkdi xdithwhnathipruksatxtankarkxkarraytxsphakhwammnkhngaehngchati richard ex khlarkechuxwabuchekhadarngtaaehnngphrxmaephnkarbukkhrxngxirk swnaeblrrabuwa saehtukhux khwamlmehlwkhxngxirkinkarchwy oxkassudthay inkarpldxawuthniwekhliyr ekhmiaelachiwphaphkhxngtnexngtamthithukklawha sungthangkarshrthaelaxngkvseriykwaepn phykhukkhamthndwnaelathnimidtxsntiphapholk inpi 2548 hnwysubrachkarlbklangaehngshrthxemrikaxxkraynganrabuwa imphbxawuthxanuphaphthalaylangsunginxirk ineduxnmkrakhm 2546 karsarwckhwamkhidehnkhxngsibiexsphbwa chawxemrikn 64 snbsnunkarptibtithangthhartxxirk xyangirkdi 63 txngkarihbuchhathangxxkthangkarthutmakkwakarthasngkhram aela 62 echuxwaphykhukkhamxnenuxngmacakkarkxkarraytxshrthcaephimkhunephraasngkhram karbukkhrxngxirkidrbkarkhdkhanxyangaekhngkhncakphnthmitrdngedimkhxngshrth rwmthngrthbalfrngess eyxrmni niwsiaelndaelaaekhnada phunakhxngchatiehlaniaeyngwaimmihlkthanxawuthxanuphaphthalaylangsunginxirk aelakarbukkhrxngxirkcaimidrbkhwamchxbthrrminbribthkhxngrayngankhnatrwcsxbxawuththnginswnkhxngkhnaphutrwcsxbxawuthekhmi chiwphaphaelaphahanasngkhxngshprachachati UNMOVIC emuxwnthi 12 kumphaphnth 2546 wnthi 15 kumphaphnth hnungeduxnkxnkarbukkhrxng mikarprathwngthwolktxtansngkhramxirk rwmthngkarchumnumkwasamlankhninkrungorm sungbnthuksthitiolkkinenssbnthukiwwaepnkarchumnumtxtansngkhramthiihythisudethathiekhymi nkwichakarfrngess Dominique Reynie rabuwa rahwangwnthi 3 mkrakhmthung 12 emsayn 2546 miprachachn 36 lankhnthwolkekharwmkarprathwngtxtansngkhramxirkekuxb 3 000 khrng kxnhnakarbukkhrxngmikarocmtithangxakastxthaeniybprathanathibdiinkrungaebkaeddemuxwnthi 19 minakhm 2546 wnrungkhun kalngphsmiderimbukkhrxngekhasucnghwdbasracakcudradmphliklkbphrmaednxirk khuewt khnathikxngkalngphiessocmtiaebbsaethinnasaethinbkcakxawepxresiyephuxyudbasra aelabxpiotreliymthixyuodyrxb kxngthphbukkhrxnghlkekhluxnekhaipinxirktxnit yudkhrxngphunthinnaelarbinyuththkarnasiriyahemuxwnthi 23 minakhm karocmtithangxakaskhnanihythwpraethsaelatxrabbbychakaraelakhwbkhumkhxngxirkthaihkxngthphfaypxngknoklahlaelaimxactanthanidxyangmiprasiththiphaph wnthi 26 minakhm kxngphlnxyphlrmthi 173 oddrmlngiklkbnkhrkhirkhukthangehnux sungphwkekhaekharwmkbkalngkbtchawekhirdaeladaeninkarptibtihlaykhrngtxkxngthphxirkephuxyudkhrxngswnehnuxkhxngpraeths thphphsmhlkekhluxntwtxipyngicklangxirkaelaphbkbkartanthanephiyngelknxy thharxirkswnihyphayaephxyangrwderwaelakrungaebkaeddthukyudkhrxngemuxwnthi 9 emsayn ptibtikarxunekidkhuntxwnglxmkxngthphxirkrwmthngkaryudkhirkhukemuxwnthi 10 emsayn aelakarocmtiaelayudthikritemuxwnthi 15 emsayn prathanathibdixirk sddm husesn aelaphunaswnklanghlbsxntwhlngkalngphsmsaerckaryudkhrxngpraeths emuxwnthi 1 phvsphakhm mikarprakasyutiptibtikarrbhlk xnepnkaryutikhxngkhnbukkhrxngaelakarerimtnkhxngkhnkaryudkhrxngthangthhar cnthungeduxnmithunayn ph s 2546 miraynganwa yxdphleruxnesiychiwitxyuthi 36 533 khn aelakarsuksadngklawsuksaechphaaphunthixirkswnthimiichkhxngchawekhirdxangxingGraham Bradley 7 emsayn 2003 U S Airlifts Iraqi Exile Force For Duties Near Nasiriyah Washington Post cakaehlngedimemux 8 singhakhm 2007 subkhnemux 13 knyayn 2009 John Pike 14 March 2003 Free Iraqi Forces Committed to Democracy Rule of Law DefenseLink Globalsecurity org cakaehlngedimemux 10 September 2009 subkhnemux 13 September 2009 Usnews com 7 April 2003 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 4 February 2004 subkhnemux 9 December 2015 Kim Ghattas 14 emsayn 2003 Syrians join Iraq jihad BBC News cakaehlngedimemux 21 knyayn 2011 subkhnemux 29 tulakhm 2011 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 27 phvscikayn 2011 subkhnemux 29 tulakhm 2011 Ephraim Kahana Muhammad Suwaed 2009 The A to Z of Middle Eastern Intelligence Scarecrow Press p 208 ISBN 978 0 8108 7070 3 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint uses authors parameter Security Council endorses formation of sovereign interim government in Iraq welcomes end of occupation by 30 June democratic elections by January 2005 United Nations 8 mithunayn 2004 cakaehlngedimemux 23 knyayn 2014 subkhnemux 5 mithunayn 2017 Archived copy PDF PDF cakaehlngedimemux 11 May 2009 subkhnemux 4 April 2015 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint archived copy as title lingk Katzman Kenneth 5 kumphaphnth 2009 Iraq Post Saddam Governance and Security PDF fpc state gov Congressional Research Service PDF cakaehlngedimemux 3 minakhm 2016 subkhnemux 23 knyayn 2014 In the war Iraq s conventional military forces were overwhelmed by the approximately 380 000 person U S and British led 30 country18 coalition of the willing force a substantial proportion of which were in supporting roles Huffington Post Associated Press 15 emsayn 2008 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 23 October 2014 subkhnemux 23 February 2014 Australian Department of Defence 2004 The War in Iraq ADF Operations in the Middle East in 2003 9 tulakhm 2016 thi ewyaebkaemchchin Page 11 Isaac J Peltier Surrogate Warfare The Role of U S Army Special Forces PDF p 2 PDF cakaehlngedimemux 24 May 2013 subkhnemux 21 February 2013 PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 7 August 2011 subkhnemux 18 July 2011 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint archived copy as title lingk Toby Dodge 16 phvscikayn 2002 Iraqi army is tougher than US believes The Guardian cakaehlngedimemux 5 minakhm 2017 subkhnemux 10 phvscikayn 2012 IRAQ Iraq s Prewar Military Capabilities Council on Foreign Relations cakaehlngedimemux 14 December 2018 subkhnemux 14 December 2018 Foreign Irregulars in Iraq www washingtoninstitute org 10 April 2003 cakaehlngedimemux 3 April 2019 subkhnemux 3 April 2019 Iraq Coalition Casualties Fatalities by Year and Month 6 kumphaphnth 2016 thi ewyaebkaemchchin iCasualties org Retrieved 1 November 2009 icasualties Iraq Coalition Casualties U S Wounded Totals 24 thnwakhm 2011 thi ewyaebkaemchchin Willing to face Death A History of Kurdish Military Forces the Peshmerga from the Ottoman Empire to Present Day Iraq page 67 29 tulakhm 2013 thi ewyaebkaemchchin Michael G Lortz The Wages of War Iraqi Combatant and Noncombatant Fatalities in the 2003 Conflict Commonwealth Institute of Cambridge cakaehlngedimemux 2 September 2009 subkhnemux 13 September 2009 Wages of War Appendix 1 Survey of reported Iraqi combatant fatalities in the 2003 war Commonwealth Institute of Cambridge cakaehlngedimemux 2 September 2009 subkhnemux 13 September 2009 Body counts By Jonathan Steele The Guardian 28 May 2003 Iraq Body Count project 9 phvscikayn 2009 thi ewyaebkaemchchin Source of IBC quote on undercounting by media is Press Release 15 Iraq Body Count U S has 100 000 troops in Kuwait CNN February 18 2003 President Discusses Beginning of Operation Iraqi Freedom Andrew Buncombe Iraq could be much more of a problem for America than if Saddam had stayed in power The Monday Interview Former White House security chief The Independent Washington June 14 2004 President Bush Meets with Prime Minister Blair Georgewbush whitehouse archives gov 2003 01 31 subkhnemux 2009 09 13 Msnbc msn com April 25 2005 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 07 23 subkhnemux 2008 09 01 Poll Talk First Fight Later 2007 03 30 thi ewyaebkaemchchin CBS com Jan 24 2003 Retrieved on April 23 2007 Joint Declaration by Russia Germany and France on Iraq France Diplomatie February 10 2003 NZ praised for steering clear of Iraq war The Dominion Post December 7 2008 Beltrame Julian March 31 2003 Maclean s khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 05 18 subkhnemux 19 January 2009 Guinness World Records Largest Anti War Rally Guinness World Records cakaehlngedimemux 2004 09 04 subkhnemux 2007 01 11 Callinicos Alex March 19 2005 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2006 03 21 subkhnemux 2007 01 11 August 21 2003 wanniski com khlngkhxmulekaekbcakrel nofollow aehlngedimemux 2006 08 11 subkhnemux August 9 2006 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite news title aemaebb Cite news cite news a trwcsxbkha url help